
เชื้อไวรัสตับอักเสบ เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถก่อให้เกิดอาการตับอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง
ชนิดของเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดตับอักเสบเรื้อรังได้บ่อย มีดังนี้
ชนิดของไวรัสตับอักเสบ |
การติดต่อของเชื้อ |
|
ไวรัสตับอักเสบบี |
- ไม่มียารักษาให้หายขาด แต่ชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ - มีวัคซีนที่ป้องกันเชื้อได้ |
การสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่ง การถ่ายเลือด การใช้เข็มร่วมกัน และเพศสัมพันธ์ รวมถึงจากแม่สู่ลูกได้อีกด้วย |
ไวรัสตับอักเสบซี |
- รักษาให้หายขาดได้ - ไม่มีวัคซีนป้องกัน |
การถ่ายเลือด การใช้เข็มร่วมกันและจากแม่สู่ลูก มีโอกาสติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้น้อย |
เชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีนั้นมีความอันตราย หากได้รับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัว ปล่อยให้โรคลุกลาม ไม่ได้รับการรักษาอาการตับอักเสบเรื้อรังนำไปสู่โรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับได้ ดังนั้นประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่ใช้ยาเสพติดวิธีฉีด ผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย เป็นต้น ควรรับบริการตรวจคัดกรองหาเชื้อ เพื่อรับการรักษาให้เร็วที่สุด
วิธีการป้องกันการติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- หลีกเลี่ยงการใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการสัก ฝังเข็ม หรือเจาะ โดยใช้เข็มหรือหมึกร่วมกับผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น มีดโกนหนวด เป็นต้น
- ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เป็นหนึ่งในวัคซีนมาตรฐานสำหรับเด็กแรกเกิดทั่วประเทศ ดังนั้นผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนให้ครบตามนัดทุกครั้ง โดยได้วัคซีนเข็มแรกเมื่อแรกเกิด และเข็มต่อ ๆ ไป เป็นแบบวัคซีนรวมทั้งป้องกันโรคคอตีบ-ไอกรน-บาดทะยัก และไวรัสตับอักเสบบี เมื่ออายุ 2, 4 และ 6 เดือน ส่วนผู้ใหญ่ หากต้องการฉีดวัคซีน ควรตรวจก่อนว่ามีภูมิคุ้มกันหรือไม่ โดยผู้ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดทันทีที่มีโอกาส คือ 3 ครั้ง โดย ฉีดเข็มที่ 1 นับเป็นเดือนที่ 0
ฉีดเข็มที่ 2 หลังจากเข็มแรก 1 เดือน
ฉีดเข็มที่ 3 หลังจากเข็มแรก 6 เดือน
กรณีไม่สามารถฉีดได้ตามนัด สามารถฉีดเข้มที่ 2 และ 3 หลังจากวันนัดไม่เกิน 1 เดือน แต่ไม่แนะนำให้ฉีดก่อน และเมื่อฉีดเข็มที่ 3 ครบแล้ว ควรตรวจภูมิคุ้มกันซ้ำ เพื่อยืนยันผล