อินโฟกราฟิก
แนวทางการแสดงจำนวนคาร์บ (Carb) บนฉลากอาหาร
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมสุขภาพทุกมิติ
และวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ ลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (non-communicable
diseases หรือ NCDs) เช่น ภาวะเบาหวาน ทั้งนี้
กองอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหารในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่ายที่มีการแสดงฉลากอาหาร
ฉลากโภชนาการ และฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ
เป็นเครื่องมือให้แก่ผู้บริโภคใช้ในการวางแผน ควบคุม และดูแลการบริโภคของตนเอง
ให้สอดคล้องกับภาวะโภชนาการที่เป็นอยู่การนับคาร์บ
เป็นหนึ่งในนโยบายที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนการบริโภคอาหารสำหรับผู้เป็นเบาหวานได้อย่างเหมาะสม
เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุน และอำนวยความสะดวกในการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารในภาชนะบรรจุพร้อมจำหน่าย
ผู้บริโภคที่เป็นเบาหวาน หรือมีความเสี่ยงเป็นเบาหวานที่สามารถปรับใช้ในการวางแผนในการบริโภคอาหารในแต่ละวัน โดยกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อาหารในภาชนะบรรจุที่พร้อมจำหน่ายสามารถแสดงจำนวนคาร์บ
(Carb)
บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร ต้องปฏิบัติดังนี้1.
แนวทางการแสดงจำนวนคาร์บบนฉลากผลิตภัณฑ์1) อาหารนั้นต้องแสดงข้อมูลโภชนาการต่อการกินหนึ่งครั้ง2) กรณีมีใยอาหารต่อการกินหนึ่งครั้ง ตั้งแต่ 5 กรัมขึ้นไป และ/หรือมีน้ำตาลแอลกอฮอล์ต่อการกินหนึ่งครั้ง
ตั้งแต่ 10 กรัมขึ้นไป ต้องแสดงปริมาณใยอาหาร และ/หรือน้ำตาลแอลกอฮอล์ในกรอบข้อมูลโภชนาการด้วย3)
ให้แสดงจำนวนคาร์บต่อการกินหนึ่งครั้ง โดยแสดงข้อความ “มี...คาร์บ
ต่อการกิน 1 ครั้ง” หรือ “กิน 1 ครั้ง
ได้รับ... คาร์บ” หรือข้อความในทำนองเดียวกัน กรณีผลิตภัณฑ์อาหารกินได้หมดใน 1
ครั้ง สามารถแสดงเพียงจำนวนคาร์บได้ ทั้งนี้
สามารถแสดงปริมาณคาร์บต่อ 1 หน่วยภาชนะบรรจุ เพิ่มเติมได้หมายเหตุ: แนวทางนี้ไม่ใช้กับ
เครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีน ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนของกัญชา กัญชง และสารสกัดแคนนาบิไดออล
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และอาหารมีวัตถุประสงค์พิเศษ2. การคำนวณจำนวนคาร์บจากข้อมูลโภชนาการ1) พิจารณาปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดต่อการกินหนึ่งครั้ง
และนำมาหารด้วย 15 (กำหนดให้ 1 คาร์บเท่ากับ
15 กรัมคาร์โบไฮเดรต)
จำนวนคาร์บต่อการกินหนึ่งครั้ง = คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด
¸ 15
2) กรณีมีใยอาหารต่อการกินหนึ่งครั้ง
ตั้งแต่ 5 กรัมขึ้นไป นำตัวเลขไปหักออกจากปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดก่อน
แล้วจึงนำมาหารด้วย 15
คาร์โบไฮเดรตที่นำไปคำนวณคาร์บ = คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด
- ใยอาหาร
3) กรณีมีน้ำตาลแอลกอฮอล์ต่อการกินหนึ่งครั้ง ตั้งแต่ 10
กรัมขึ้นไป ต้องนำปริมาณน้ำตาลแอลกอฮอล์ครึ่งหนึ่งไปหักลบออกจากคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด
แล้วจึงนำมาหารด้วย 15
คาร์โบไฮเดรตที่นำไปคำนวณคาร์บ = คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด
– (น้ำตาลแอลกอฮอล์ทั้งหมด/2)
4)
กรณีหนึ่งหน่วยภาชนะบรรจุสามารถกินได้มากกว่า 1 ครั้ง จำนวนคาร์บต่อหนึ่งหน่วยภาชนะบรรจุ
ต้องคูณด้วยจำนวนครั้งที่กินได้ต่อภาชนะบรรจุนั้น
5) หากคำนวณจำนวนคาร์บแล้ว
ค่าที่ได้ไม่ใช่เลขจำนวนเต็ม ให้ปัดเศษขึ้นลงขั้นละ 0.5 ตามหลักการทางคณิตศาสตร์ เช่น
คำนวณได้ 3.67 คาร์บ ปัดเป็น 3.5 คาร์บ หรือ 4.83 คาร์บ ปัดเป็น 5 คาร์บ
โพสต์วันที่ 22 พ.ค. 68