
อาการปวดประจำเดือนเป็นกลไกหนึ่งของร่างกาย ในขณะที่เกิดประจำเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกจะสร้างสารที่ชื่อว่า โพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวจึงเกิดอาการปวดเกร็งท้องน้อย ซึ่งความรุนแรงของอาการปวดจะแตกต่างกันในแต่ละคน บางคนปวดไม่รุนแรง บางคนมีอาการปวดมากจนต้องหา วิธีบรรเทาอาการ ซึ่งการใช้ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถใช้บรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้หากอาการปวดนั้นอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง
วิธีบรรเทาอาการปวดประจำเดือนมีหลายวิธีด้วยกัน
- บรรเทาอาการโดยไม่ใช้ยา เช่น ประคบร้อนบริเวณท้องน้อย ออกกำลังกายเป็นประจำ
- บรรเทาอาการด้วยยา ได้แก่
- ยากลุ่ม NSAIDs มีฤทธิ์ยับยั้งโพรสตาแกลนดิน บรรเทาอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช้กับผู้ที่มีภาวะเลือดออก หรือมีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด
โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร - ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) มีฤทธิ์ยับยั้งโพรสตาแกลนดินอ่อน ๆ จึงบรรเทาอาการได้ใน
ระยะสั้น ๆ เหมาะกับอาการปวดที่ไม่รุนแรง และไม่ใช่กับผู้ที่ตับ/ไตมีปัญหา - ยากลุ่มฮอร์โมน การใช้ฮอร์โมนต้องเลือกให้เหมาะสมเฉพาะบุคคล และมีผลข้างเคียง
เพื่อความปลอดภัยต้องใช้ในความดูแลของแพทย์
ดังนั้น สรุปได้ว่าสามารถใช้ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้หากเป็นอาการปวดที่ไม่รุนแรง และบรรเทาได้ในระยะสั้นแม้จะสามารถหาซื้อพาราเซตามอล (Paracetamol) มาใช้ได้เองแต่หากใช้ไม่ถูกวิธีย่อมก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน
สำหรับยาพาราเซตามอล (Paracetamol) แนะนำให้รับประทานตามน้ำหนักตัว โดยให้ 10 - 15 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และแนะนำให้รับประทานยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เมื่อมีอาการปวดเท่านั้น และใช้ยาห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ไม่รับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (ขนาด 500 มิลลิกรัม/เม็ด) และไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดประจำเดือนรุนแรงแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ