กาเฟอีน เลิกดื่มอย่างไรให้ปลอดภัย
27 เมษายน 2564

            กาเฟอีน (Caffeine) มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า แต่หากร่างกายได้รับกาเฟอีนปริมาณมากเกินไปจะทำให้มีอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หัวใจเต้นแรงและเร็ว ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มกาเฟอีนในปริมาณที่มากเกิน

          การเลิกดื่มกาเฟอีนทันทีอาจทำให้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม หดหู่  ไม่มีสมาธิได้

ดังนั้น วิธีที่ถูกต้องควร

1. ค่อย ๆ ลดปริมาณการบริโภคลงภายในระยะเวลา 7-14 วัน 

2. ลดขนาดของถ้วยกาแฟ และจํากัดจํานวนครั้งในการดื่มต่อวัน

3. เปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นซึ่งมีส่วนผสมของกาเฟอีนในปริมาณที่ต่ำกว่า

          ในตารางต่อไปนี้จะกล่าวถึงปริมาณกาเฟอีนในเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยม เพื่อที่จะเป็นแนวทางการเลือกบริโภคให้กับผู้ที่ต้องการเลิกบริโภคกาเฟอีน

ชนิดเครื่องดื่ม

ปริมาณกาเฟอีน

ปริมาณกาเฟอีนเฉลี่ย

ปริมาณกาเฟอีนเฉลี่ยต่อ 100 มิลลิลิตร

1. ชาบรรจุขวด

24 – 76 มิลลิกรัม

ต่อ 500 มิลลิลิตร

50 มิลลิกรัม

ต่อ 500 มิลลิลิตร

10 มิลลิกรัม

2. น้ำอัดลมกระป๋อง

38 – 46 มิลลิกรัม

ต่อ 355 มิลลิลิตร

41 มิลลิกรัม

ต่อ 355 มิลลิลิตร

11.55 มิลลิกรัม

3. กาแฟกระป๋อง

74 - 212 มิลลิกรัม

ต่อ 180 มิลลิลิตร

143 มิลลิกรัม

ต่อ 180 มิลลิลิตร

79.44 มิลลิกรัม

 

         

 

 

 

 

 

 

 

           จะเห็นได้ว่า เมื่อเทียบปริมาณกาเฟอีนที่มิลลิลิตรเท่า ๆ กัน ชาจะมีปริมาณกาเฟอีนน้อยกว่าน้ำอัดลม และกาแฟ ตามลำดับ ดังนั้น หากใครติดกาแฟจนต้องดื่มทุก ๆ วัน อาจหันมาดื่มชาหรือน้ำอัดลมแทนได้ แต่ไม่ควรดื่มมากไปเพราะอาจได้รับน้ำตาลมากเกินจนทำให้น้ำหนักเกิน เกิดโรคอ้วนได้

คลังรูปภาพ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
อาหาร
สาระความรู้
FDAknowledge
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
กาเฟอีน
เครื่องดื่มผสมกาเฟอีน
ชา
น้ำอัดลม
กาแฟ