
กาเฟอีน (Caffeine) มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า แต่หากร่างกายได้รับกาเฟอีนปริมาณมากเกินไปจะทำให้มีอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หัวใจเต้นแรงและเร็ว ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มกาเฟอีนในปริมาณที่มากเกิน
การเลิกดื่มกาเฟอีนทันทีอาจทำให้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม หดหู่ ไม่มีสมาธิได้
ดังนั้น วิธีที่ถูกต้องควร
1. ค่อย ๆ ลดปริมาณการบริโภคลงภายในระยะเวลา 7-14 วัน
2. ลดขนาดของถ้วยกาแฟ และจํากัดจํานวนครั้งในการดื่มต่อวัน
3. เปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่นซึ่งมีส่วนผสมของกาเฟอีนในปริมาณที่ต่ำกว่า
ในตารางต่อไปนี้จะกล่าวถึงปริมาณกาเฟอีนในเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยม เพื่อที่จะเป็นแนวทางการเลือกบริโภคให้กับผู้ที่ต้องการเลิกบริโภคกาเฟอีน
ชนิดเครื่องดื่ม |
ปริมาณกาเฟอีน |
ปริมาณกาเฟอีนเฉลี่ย |
ปริมาณกาเฟอีนเฉลี่ยต่อ 100 มิลลิลิตร |
1. ชาบรรจุขวด |
24 – 76 มิลลิกรัม ต่อ 500 มิลลิลิตร |
50 มิลลิกรัม ต่อ 500 มิลลิลิตร |
10 มิลลิกรัม |
2. น้ำอัดลมกระป๋อง |
38 – 46 มิลลิกรัม ต่อ 355 มิลลิลิตร |
41 มิลลิกรัม ต่อ 355 มิลลิลิตร |
11.55 มิลลิกรัม |
3. กาแฟกระป๋อง |
74 - 212 มิลลิกรัม ต่อ 180 มิลลิลิตร |
143 มิลลิกรัม ต่อ 180 มิลลิลิตร |
79.44 มิลลิกรัม |
จะเห็นได้ว่า เมื่อเทียบปริมาณกาเฟอีนที่มิลลิลิตรเท่า ๆ กัน ชาจะมีปริมาณกาเฟอีนน้อยกว่าน้ำอัดลม และกาแฟ ตามลำดับ ดังนั้น หากใครติดกาแฟจนต้องดื่มทุก ๆ วัน อาจหันมาดื่มชาหรือน้ำอัดลมแทนได้ แต่ไม่ควรดื่มมากไปเพราะอาจได้รับน้ำตาลมากเกินจนทำให้น้ำหนักเกิน เกิดโรคอ้วนได้