
ไขมันทรานส์ (Trans Fat) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว
พบได้ทั้งในธรรมชาติ และจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนลงในน้ำมัน แบ่งเป็น
1. ไขมันทรานส์จากธรรมชาติ
เช่น เนย นม ชีส เนื้อสัตว์ ซึ่งพบได้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย
2. ไขมันทรานส์จากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน
(Partially Hydrogenation) ลงในน้ำมันเพื่อเปลี่ยนสภาพน้ำมันให้เป็นไขมันที่มีสภาพกึ่งแข็งกึ่งเหลว เช่น
เนยเทียม (Margarine) เนยขาว (Shortening) และทำให้มีคุณสมบัติ หืนช้า มีอายุการเก็บรักษานานขึ้น
ไขมันทรานส์ที่เกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในน้ำมัน
นิยมนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่น พัฟ พาย เค้ก คุกกี้
ซึ่งปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบว่าไขมันทรานส์เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ผลเสียของไขมันทรานส์
1. เพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Cholesterol)
2. เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
3. ลดระดับโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-Cholesterol)
4. เพิ่มระดับโคเลสเตอรอลรวม (Total
Cholesterol)
5. เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ
ปัจจุบัน อย. ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย
น้ำมัน หรืออาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (ไขมันทรานส์)
เป็นส่วนประกอบ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 388 พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นการควบคุมตั้งแต่สถานที่ผลิต นำเข้าน้ำมันหรือไขมันที่ปราศจากไขมันทรานส์ และตรวจสอบวิเคราะห์อาหารที่อาจมีการใช้น้ำมันหรือไขมันทรานส์อย่างเข้มงวด ณ สถานที่จำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อกำกับดูแลไม่ให้มีวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไขมันทรานส์ โดยผลการตรวจสอบตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความเสี่ยงปีละจำนวน 100
ตัวอย่าง ในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2566-2567 ไม่พบข้อบกพร่องแต่อย่างไร
ทั้งอาหารนำเข้าและผลิตในประเทศ
ทำให้สบายใจได้ว่าอาหารที่ผ่านการรับรองแล้วจะไม่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์
#ไขมันทรานส์ #TransFat
ข้อมูลอ้างอิง
3. สุขภาพดี ห่างไกลไขมันทรานส์ (2). สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (2018).Retrieved June 24, 2024, from