
ภาครัฐ องค์กรทางการแพทย์ พยาบาล และสาธารณสุข เครือข่ายภาคประชาชน และองค์กรระหว่างประเทศ รวม 25 องค์กร จัดการประชุมขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร โดยได้มีการเปิดตัวพันธกิจ ‘ประเทศไทยปักหมุด...หยุดเชื้อดื้อยา’ และการลงนามในประกาศเจตนารมณ์ร่วมว่าด้วยการขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย
วันนี้ (23 พ.ย. 60) พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังเป็นประธานเปิดตัวพันธกิจ ‘ประเทศไทยปักหมุด...หยุดเชื้อดื้อยา’ ว่า ปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial Resistance: AMR) เป็นวิกฤติร่วมของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพคน สุขภาพสัตว์ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งก่อให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ในการนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกลุ่ม G-77 จึงรับรองปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 71 เรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพ (Political Declaration of the High-level Meeting of the General Assembly on Antimicrobial Resistance) โดยเน้นย้ำความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดื้อยาต้านจุลชีพแก่ทุกภาคส่วน และให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวบนแนวทางสุขภาพหนึ่งเดียว
ทั้งนี้ เพื่อดำเนินตามแผนปฏิบัติการระดับโลกว่าด้วยการดื้อยาต้านจุลชีพ (Global Action Plan on AMR) คณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ จึงได้จัดการประชุม เรื่อง การประชุมขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย ครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการเปิดตัวพันธกิจ ‘ประเทศไทยปักหมุด...หยุดเชื้อดื้อยา’ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทยอย่างบูรณาการพร้อมกัน และเพื่อแสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการร่วมมือกับประชาคมโลกในการร่วมรณรงค์ World Antibiotic Awareness week ที่จัดให้มีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
พลเรือเอก ณรงค์ ยังกล่าวอีกว่า ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันดำเนินงานตาม ‘แผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560 -2564’ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าประสงค์ 5 ข้อ คือ การป่วยจากเชื้อดื้อยาลดลง ร้อยละ 50 การใช้ยาต้านจุลชีพในคนและสัตว์ลดลง ร้อยละ 20 และ 30 ตามลำดับ ประชาชนมีความรู้มากขึ้น ร้อยละ 20 และระบบการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพมีสมรรถนะตามสากล
ทางด้าน พญ.มยุรา กุสุมภ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เน้นย้ำ 6 ยุทธศาสตร์ ของแผนยุทธศาสตร์ฯ ว่าประกอบด้วย การนำเอาความรู้ด้านระบาดวิทยามาใช้ในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนการระบาดของเชื้อดื้อยา การเร่งรัดออกประกาศให้ยาต้านจุลชีพที่สำคัญบางรายการเป็นยาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์และมีระบบควบคุมการกระจายยา การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาลอย่างบูรณาการทั้งในสถานพยาบาลรัฐและสถานพยาบาลเอกชน การลดใช้ยาต้านจุลชีพในการเลี้ยงสัตว์ การประมง รวมทั้งการศึกษาสถานการณ์การใช้ยาต้านจุลชีพในพืช การบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีกระทรวงสาธารณสุข เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ และสุดท้ายคือการพัฒนาระบบติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนแผนทั้งหมดในภาพรวม
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ปัญหาเชื้อดื้อยาเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคได้ปรับตัวจนดื้อต่อยาต้านจุลชีพเกือบทุกชนิด หากไม่เร่งแก้ไข โลกจะกลับสู่ยุคที่คนจะตายจากโรคติดเชื้อแบคทีเรียอีกครั้ง คาดว่าในปี 2593 ทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากปัญหาเชื้อดื้อยารวม 10 ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในทวีปเอเชียมากที่สุดถึง 4.7 ล้านคน นอกจากนี้ การใช้ยาต้านจุลชีพอย่างไม่เหมาะสม จะเพิ่มความเสี่ยงจากการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ รวมทั้งการแพ้ยาที่รุนแรง โดยข้อมูลในช่วงปี พ.ศ. 2527-2560 พบว่า กลุ่มยาต้านจุลชีพก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 โดยคิดเป็นร้อยละ 47 ของยาทุกกลุ่มรวมกัน
ด้าน นายสัตวแพทย์ธนิตย์ เอนกวิทย์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคเกษตรและสัตว์เลี้ยง เป็นยุทธศาสตร์ที่ 4 ใน ในยุทธศาสตร์ครั้งนี้ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้จึงมีมาตรการการควบคุมการใช้ยาในสัตว์มาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญทั้งเรื่องการพัฒนามาตรฐานการเลี้ยงสัตว์ คุณภาพยา อาหารสัตว์และวัคซีน เพื่อให้สัตว์ปลอดโรค มีการควบคุม ป้องกัน เชื้อดื้อยา และสารตกค้าง โดยมีหน่วยงานและคณะกรรมการที่เฝ้าระวังเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ มีการดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพยาปฏิชีวนะที่จำหน่ายในท้องตลาด และมีการประกาศห้ามการใช้ยาในวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการเจริญเติบโตในทุกชนิดสัตว์
การเปิดตัวพันธกิจ ‘ประเทศไทยปักหมุด...หยุดเชื้อดื้อยา’ มีองค์กรและหน่วยงานร่วมลงนามในประกาศเจตนารมณ์ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์กรมหาชน) (สรพ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) แพทยสภาเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHosNet) ทันตแพทยสภา สัตวแพทยสภา สภาเภสัชกรรม สภาการพยาบาล สภาเทคนิคการแพทย์ สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) โดยมีองค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) ร่วมการประชุมด้วย