
อย. ส่งเสริมผู้ประกอบการวัตถุอันตราย จัดสัมมนาชี้แจง และให้ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบ ประกาศ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่ปรับปรุงใหม่ พร้อมทั้งแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายรวมถึงแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำเนินงานด้านวัตถุอันตราย เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เภสัชกรสมชาย ปรีชาทวีกิจ รักษาการรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ ประกอบกับกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคต่างๆ ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการจะได้เร่งรัดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ และสามารถแข่งขันทางการค้ากับประเทศอื่นได้ อย. ในฐานะที่เป็นองค์กรหลักที่ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ จึงมีนโยบายเร่งรัดพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ รวมทั้งพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัย จึงได้มีการจัดประชุมสัมมนาเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายให้ดำเนินการตามแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายวัตถุอันตราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ณ ห้องริชมอนด์แกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี เพื่อชี้แจงและให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่ปรับปรุงใหม่ และแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว เช่น การต่ออายุ และการแจ้งปริมาณผ่านระบบ e-submission การเก็บตัวอย่างวัตถุอันตราย การตรวจสอบฉลาก และการดำเนินการตามแนวทางการโฆษณาผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย รวมทั้ง เทคนิค ทำอย่างไร ให้อยู่รอดภายใต้ ม.44 โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิ
รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า อย. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ จึงได้จัดการประชุมสัมมนาครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน รวมทั้งเปิดโอกาสให้เสนอแนะข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจและประสานความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน และนำไปสู่การพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคด้านวัตถุอันตรายให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นต่อไป