
อย. ร่วมกับ สวทช. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของสถานประกอบการแม่ข่ายที่ผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย (Primary GMP) ในระหว่างวันที่ 16 – 18 มกราคม 2561 ณ โรงแรม เอเชีย แอร์พอร์ท กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตอาหารขนาดกลาง และขนาดย่อม (SMEs) พัฒนาทั้งด้านคุณภาพ ปรับปรุงกระบวนการ เพิ่มผลิตผล สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ OTOP ไทยไปสู่ตลาดโลก
นายแพทย์พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของสถานประกอบการแม่ข่ายที่ผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย (Primary GMP) โดย สวทช. มีภารกิจหลักในการสนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการวิจัย และพัฒนา อีกทั้งยังมีการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในภาคส่วนต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการ และภาคอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการผลิตจนสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนบนฐานความรู้ และแก้ปัญหาที่พบในการผลิต ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งด้านคุณภาพ การปรับปรุงกระบวนการ ช่วยเพิ่มผลิตผล สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ทำให้ SMEs มีรายได้เพิ่มขึ้น
รองเลขาธิการ ฯ อย. กล่าวต่อไปว่า อย. ต้องการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสานต่อการดำเนินงาน ที่ผ่านมาในการพัฒนาต้นแบบสถานประกอบการแม่ข่าย ปี 2560 จำนวน 54 แห่งจาก 50 จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ในการพัฒนาสถานที่ผลิตตามเกณฑ์ Primary GMP ที่ดีในชุมชน ซึ่ง อย. ร่วมกับ โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช. ดำเนินการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ สถานประกอบการแม่ข่ายที่ผลิตอาหารแปรรูปที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย (Primary GMP) ระหว่างวันที่ 16 – 18 มกราคม 2561 ณ โรงแรม เอเชีย แอร์พอร์ท กรุงเทพมหานคร ภายใต้โครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารที่บรรจุในภาชนะพร้อมจำหน่าย สำหรับผู้ประกอบการผลิตอาหารขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ปีงบประมาณ 2561 จากความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ สถานประกอบการแม่ข่ายด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระดับชุมชนให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน และตรงความต้องการของตลาด
รองเลขาธิการ ฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า อย. คาดหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีกับผู้ประกอบการในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ไทยไปตลาดโลก รวมถึง การวิจัยตลาด เพื่อให้สินค้ามีมาตรฐาน และตรงความต้องการ ของตลาด ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้าไทยที่เป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค และยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์อาหารทั่วประเทศต่อไป