
ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน หลายคนอาจจะงงว่าคืออะไร แต่ถ้าพูดถึง สเปรย์ป้องกันกำจัดแมลงและสัตว์อื่น ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์อุปโภคทั่วไป หลายคนคงนึกภาพออกแล้วว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีกลิ่นไม่พึงปรารถนาเมื่อผู้บริโภคนำไปใช้งาน โดยกลิ่นอาจจะมาจากตัวสารออกฤทธิ์ของผลิตภัณฑ์เอง หรือสารเคมีที่ใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์เพื่อใช้เป็นตัวทำละลายตลอดจนคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายพยายามพัฒนากลิ่นของผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันมีวิธีจัดการกับกลิ่นในผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย 2 แบบ ด้วยกัน คือ แบบเติมสารแต่งกลิ่นในผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย กับ แบบการเลือกใช้สารเคมีที่มีกลิ่นอ่อน
แบบเติมสารแต่งกลิ่นในผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย มี 3 แบบ คือ
Ø การเติมสารแต่งกลิ่นเพื่อกลบกลิ่นสารออกฤทธิ์ของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายบางประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำที่ประกอบด้วยสารกัดกร่อน ทำให้มีกลิ่นฉุนแสบจมูก
Ø การเติมสารแต่งกลิ่นเพื่อกลบกลิ่นจากคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น ยาจุดกันยุง เพื่อกลบกลิ่นเผาไหม้
Ø การเติมสารแต่งกลิ่นเพื่อกลบกลิ่นสารเคมีที่ใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์เพื่อใช้เป็นตัวทำลาย เช่น ผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดแมลงในรูปแบบฉีดพ่นอัดก๊าซ (aerosol) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สเปรย์กระป๋องฉีดยุง / แมลง
แบบการเลือกใช้สารเคมีที่มีกลิ่นอ่อน
ในรูปแบบนี้สามารถลดความรุนแรงของกลิ่นผลิตภัณฑ์ให้น้อยลง โดยเฉพาะสารเคมีที่ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลาย ตัวอย่างเช่น ในการผลิตสเปรย์กระป๋องฉีดยุง / แมลง ผู้ผลิตนิยมเลือกใช้ตัวทำละลายที่มีกลิ่นอ่อน เช่น odorless kerosene แทน kerosene แบบเดิม ที่มีกลิ่นไม่พึงปรารถนา หรือใช้วิธีการพัฒนาสูตรส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จากเดิมที่ใช้ตัวทำละลายเป็นสารประกอบอินทรีย์เป็นสูตรที่มีตัวทำละลายเป็นน้ำ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า สเปรย์กระป๋องฉีดยุง / แมลงสูตรน้ำ หรือ สูตรวอเตอร์เบส (water based)
ด้วยการพัฒนาการจัดการกับกลิ่นในผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และการทำการตลาดผลิตภัณฑ์รุดหน้าไปมาก จึงเกิดข้อความโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อการจัดการกับกลิ่นในผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย เช่น การแสดงท่าทางการสูดดมพร้อมกับกล่าวคำที่สื่อให้ผู้ชมรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์หอมน่าดม หรือการแสดงข้อความที่สื่อให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ทำจากสารธรรมชาติ เป็นต้น ทำให้ผู้บริโภคบางรายเข้าใจผิดคิดว่า ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นฉุน หรือมีกลิ่นอ่อนมีความเป็นอันตรายน้อย หรือไม่มีอันตรายเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นเหม็นฉุนหรือกลิ่นรุนแรง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นฉุน หรือมีกลิ่นอ่อนไม่ได้มีความเป็นอันตรายน้อยกว่าผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่ไม่ได้ผ่านการปรับปรุงกลิ่นเลย ดังนั้นหนทางที่จะป้องกันอันตรายจากการใช้งานที่ดีที่สุดคือ ผู้บริโภคต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้ว และผู้บริโภคต้องมีความระมัดระวังและพึงระลึกอยู่เสมอว่าผลิตภัณฑ์ที่กำลังใช้อยู่นั้นเป็นวัตถุอันตราย ควรศึกษาวิธีใช้ให้เข้าใจก่อนเพื่อจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายนั้น ๆ ได้อย่างปลอดภัย โดยการอ่านฉลากและปฏิบัติตามวิธีใช้และคำเตือนในฉลากอย่างเคร่งครัด