
อย.
เผย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินดีที่ได้ อย. ในประเทศไทย มีความปลอดภัย หากรับประทานตามข้อแนะนำบนฉลาก
กรณีข่าวต่างประเทศพบชายวัย
89 ปีเสียชีวิตจากกินวิตามินดีในปริมาณสูงนาน 9 เดือน โดยทางนิติเวชได้ร้องเรียนให้มีการเขียนคำเตือนลงบนบรรจุภัณฑ์ด้วย
เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินดีที่ได้
อย. ในประเทศไทย มีความปลอดภัยหากรับประทานตามข้อแนะนำบนฉลาก ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยฉลากโภชนาการและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กำหนดค่าสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทย (THAI RECOMMENED DAILY INTAKES : Thai RDI) และปริมาณของวิตามินดีในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ไม่เกิน 15 ไมโครกรัมต่อวัน และกำหนดให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิดต้องแสดงคำเตือนในการบริโภค ได้แก่ “เด็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน” “ควรกินอาหารหลากหลาย ครบ 5
หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ” และ “ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค” เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
วิตามินดีเป็นวิตามินที่สำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย
ที่มีบทบาทในเรื่องการเสริมสร้างสุขภาพของร่างกายในหลายด้าน โดยเฉพาะถ้าขาดวิตามินดี ในช่วงวัยเด็กจะทำให้เกิดเป็นโรคกระดูกอ่อนหรือโรคกระดูกน่วมในผู้ใหญ่อาจนำไปสู่การเกิดภาวะกระดูกพรุน ซึ่งก็จะพบมีภาวะวิตามินดีในเลือดต่ำเช่นกัน
สำหรับผู้ใหญ่ ปริมาณวิตามินดีที่แนะนำให้รับประทานคือ
15 ไมโครกรัมต่อวัน ทั้งนี้ การรับแสงแดดในตอนเช้าก่อนเวลา 08.00 น. 15 - 30 นาที 3 ครั้ง/สัปดาห์ จะช่วยให้ได้รับวิตามินดี
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรรับประทานมากกว่า 100 ไมโครกรัมต่อวัน เพราะอาจทำให้แคลเซียมในเลือดสูงและเป็นอันตรายต่อร่างกาย
อันเนื่องมาจากวิตามินดีได้
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ผู้บริโภคควรตรวจสอบว่าได้รับอนุญาตถูกต้อง โดยดูจากเลขสารบบอาหาร หรือ เลข อย. ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า สูตรส่วนประกอบ
วิธีใช้ที่ถูกต้อง คำเตือนหรือข้อแนะนำบนฉลาก วันเดือนปีที่หมดอายุและควรรับประทาน
และปฏิบัติตามข้อแนะนำ และคำเตือนบนฉลาก ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคกระดูกพรุน
โรคไตเรื้อรัง โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์หรือโรค hypercalcemia
ที่จะรับประทานวิตามินดี ควรปรึกษาแพทย์ก่อน