เลขาธิการฯ อย. คนใหม่ มอบนโยบายสำคัญในปีงบประมาณ
2568 มุ่งยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคปรับปรุงกระบวนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล
และผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์
เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยมอบนโยบายการดำเนินงานปีงบประมาณ
2568 ซึ่งครอบคลุม 11 ประเด็นหลักภายในระยะเวลา 1 ปี เพื่อยกระดับการทำงานของ อย.
ให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นความเป็น สากล
ทันสมัย โปร่งใส ร่วมสร้างความมั่งคั่ง สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนี้
เป้าประสงค์หลัก : ยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค การอนุมัติ
อนุญาตที่เป็นมาตรฐาน สากล ทันสมัย โปร่งใส ด้วยการ
(1) ผลักดันให้เกิดระบบการพิจารณาอนุญาตที่เป็นสากล
(Good Review Practice) ลดระยะเวลา
ในการประเมินผลิตภัณฑ์สุขภาพให้รวดเร็วขึ้น มากกว่าร้อยละ 20
(2) จัดทำระบบการติดตามสถานะการขออนุญาตที่คาดการณ์เวลาในการอนุมัติได้อย่างแม่นยำ
โดยระบบนี้จะเริ่มใช้ได้อย่างสมบูรณ์ภายในเดือนธันวาคม 2567
(3) ปรับปรุงรูปแบบการทำงานโดยเชื่อมโยงและบูรณาการทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน
(End-to-End)
เพื่อให้การทำงานครอบคลุมอย่างมีประสิทธิภาพ
(4) สนับสนุนนโยบายลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยเพิ่มและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ช่วยลดโรคออกสู่ตลาดมากขึ้นเป้าประสงค์หลัก : ร่วมสร้างความมั่งคั่ง ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และบริการสุขภาพ เศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ ด้วยการ
(5) สร้างระบบการกำกับดูแลที่เอื้อต่อการเกิดนวัตกรรมสินค้ามูลค่าสูง
(6)
ส่งเสริมผู้ประกอบการเศรษฐกิจฐานรากให้ได้มาตรฐาน อย. และส่งสินค้าไปยังประเทศต่าง
ๆ ได้
(7)
ส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ให้เข้าสู่ธุรกิจเพิ่มขึ้น
เป้าประสงค์หลัก : เป็นการพัฒนาองค์กรสมรรถนะสูง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการ
(8) ขับเคลื่อนองค์กรบนพื้นฐานข้อมูลที่ชัดเจน
(9) พัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญ
เพื่อรองรับการพัฒนาองค์กรในอนาคต
(10) พัฒนาองค์ความรู้ สร้างงานวิจัยใหม่ ๆ
เพื่อพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภค
(11) วางแผนให้มีผลิตภัณฑ์สุขภาพเพียงพอทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน
เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ในการดำเนินงานนับจากนี้ อย. พร้อมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน สามารถผลักดันผลิตภัณฑ์สุขภาพไทยให้ก้าวสู่ตลาดโลก
และสิ่งสำคัญคือ ความปลอดภัยของผู้บริโภค