
คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ
มีมติเร่งรัดขับเคลื่อนเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ สนับสนุนภาคเอกชนลงทุนในประเทศ
เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ 7 หมื่นล้านบาทต่อปี เพิ่มยาจำเป็นในบัญชียาหลักแห่งชาติให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้นกว่า 20 รายการ
เพื่อประเทศไทยมีความมั่นคงด้านยาอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ประเทศใช้ยาสมเหตุผลต้นแบบภายในปี 2573
นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ
ครั้งที่ 2/2567 ณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยนายประเสริฐ
จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ
ได้ประกาศแผนงานเร่งรัดขับเคลื่อนเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ
เพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์สุขภาพกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ยาชีววัตถุ สมุนไพร
และเครื่องมือแพทย์
ให้มีการลงทุนหรือร่วมลงทุนผลิตในประเทศไทยให้เป็นนโยบายของประเทศ
มีผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีมูลค่าตลาดสูงรวมถึงผู้ผลิตมีแผนวิจัยและพัฒนา เช่น ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง
สารสกัดสมุนไพร เครื่องมือแพทย์ปัญญาประดิษฐ์ ให้เป็นเป้าหมายระยะสั้น
รวมทั้งเห็นชอบการจัดทำร่างพระราชบัญญัติเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ
เพื่อให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานรัฐและเอกชน
ให้เกิดการส่งเสริมเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ทั้งนี้ การนำแผนงานเร่งรัดขับเคลื่อนเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพไปสู่การปฏิบัติ
จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ 7 หมื่นล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ
ยังเพิ่มการเข้าถึงยาจำเป็นกว่า 20 รายการ ผ่านกลไกบัญชียาหลักแห่งชาติ เช่น
ยาฉีดสำหรับผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการรุนแรง ยาช่วยอดบุหรี่ยาสำหรับยุติการตั้งครรภ์ และยังประกาศกำหนดราคากลางยา จำนวน 53 รายการ
ส่งผลให้ภาครัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยามากกว่า 170 ล้านบาทในปี 2567
อีกทั้งเร่งขับเคลื่อนสู่การเป็นประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผลต้นแบบ ภายในปี 2573
โดยพัฒนาระบบสุขภาพให้มีการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
รองนายกรัฐมนตรี
กล่าวย้ำว่า
รัฐบาลจะขับเคลื่อนแผนงานเร่งรัดเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมยกร่างกฎหมายส่งเสริมเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างครบวงจร และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนให้ระบบยามั่นคงด้วยการวิจัยพัฒนา
ให้ประเทศไทยมีการจัดหายาจำเป็นไว้ใช้อย่างต่อเนื่องและทันท่วงที ทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน