อย. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโคเด็กซ์ฯ สาขาสารพิษตกค้าง ครั้งที่ 56 เพื่อกำหนดมาตรฐานสากลด้านสารพิษตกค้างในอาหาร โดยไทยร่วมให้ความเห็นชอบค่า MRLs ที่ผ่านการประเมินการได้รับสัมผัสแล้วปลอดภัย และให้ความเห็นคัดค้านค่า MRLs ที่ประเมินความปลอดภัยแล้วอาจส่งผลกระทบต่อต่อสุขภาพผู้บริโภค โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของอาหาร และไม่เป็นอุปสรรคทางการค้า

         สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการโคเด็กซ์ สาขาสารพิษตกค้าง (Codex Committee on Pesticide Residues: CCPR) ครั้งที่ 56 เมื่อวันที่ 8-13 กันยายน 2568 ณ เมืองซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ซึ่งเป็นการประชุมสำคัญในการจัดทำมาตรฐานสากลสำหรับสารพิษตกค้างในอาหาร โดยมีผู้แทนจาก อย. กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เข้าร่วมเพื่อพิจารณาและให้ความเห็นต่อการกำหนดมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ

         เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย. มุ่งมั่นพัฒนากฎระเบียบด้านอาหารให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยในการประชุมครั้งนี้มีการพิจารณาร่างค่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limits; MRLs) ของวัตถุอันตรายทางการเกษตรที่ตกค้างในอาหาร ซึ่งประเทศไทยได้ขอสงวนสิทธิ์ต่อการกำหนดค่า MRLs ของสารอันตรายทางการเกษตร 3 ชนิด เนื่องจากผลการประเมินพบว่าการได้รับสัมผัสเกินค่าปลอดภัย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภค โดยสารดังกล่าว ได้แก่ เฟนไพรอกซีเมท (Fenpyroximate) ในกลุ่มเครื่องในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ถั่วเมล็ดไม่กลมพร้อมฝัก และกลุ่มย่อยผักบริโภคผล (ยกเว้นกลุ่มแตง-จำพวกมะเขือ), ฟอสเมท (Phosmet) ในบลูเบอร์รี และไพดิฟลูมีโทเฟน (Pydiflumetofen) ในผักกาดหอม นอกจากนี้ ประเทศไทยได้สนับสนุนข้อมูลการศึกษาการตกค้างของสารแอซอกซีสโตรบิน (Azoxystrobin) ในคะน้าและพริก สำหรับการประเมินในปี 2568 และยืนยันการส่งข้อมูลการศึกษาการตกค้างของสารคลอแรนทรานิลิโพรล (Chlorantraniliprole) ในมะเขือยาวพันธุ์ไทยและทุเรียน สำหรับประเมินปี 2569 ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้จะทำให้ประเทศไทยมีค่า Codex MRLs อ้างอิงในการค้

         รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมประชุมนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยได้มีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานสากลด้านสารพิษตกค้างในอาหาร และปรับตัวได้อย่างทันท่วงทีเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน ช่วยให้ประเทศไทยสามารถนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อกำหนดค่า MRLs ที่เหมาะสม ช่วยลดอุปสรรคทางการค้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยคงความสำคัญในการคุ้มครองความปลอดภัยด้านสุขภาพของผู้บริโภคเป็นหลัก สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งมั่นในการคุ้มครองผู้บริโภค และการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล