อย. จับมือ
ไบโอเทค
เดินหน้าปั้นโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย พร้อมปรับกฎหมาย ลดขั้นตอน หวังชิงพื้นที่ตลาดโพรไบโอติกไทย
มูลค่ากว่า 8,600
ล้านบาท พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้มาตรฐานสากล
เภสัชกรหญิงสุภัทรา
บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กระแสรักสุขภาพเชิงป้องกันส่งผลให้ตลาดโพรไบโอติกในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี
2568 มีมูลค่าประมาณ 8,600 ล้านบาท และคาดว่าจะขยายตัวไปถึง 12,700 ล้านบาท
ภายในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 8% จึงตลาดที่น่าจับตามองของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ
แต่ในปัจจุบันจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่ใช้ในอาหารส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ
ดังนั้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยให้มีการนำไปใช้ในอาหารอย่างแพร่หลายมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.) ได้ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ
(ไบโอเทค) ภายใต้โครงการ “การประเมินความปลอดภัยและคุณสมบัติของจุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย”
เพื่อผลักดันให้ “โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย"
เป็นสินค้าดาวรุ่งที่มีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก โดยมีเป้าหมายคือ ลดเวลา: เพิ่มรายการโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่ผ่านการรับรองแล้ว
เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปผลิตอาหารได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มความมั่นใจ: ทวนสอบสายพันธุ์จุลินทรีย์ในตลาดและขอข้อมูลทางเทคนิคจากผู้ประกอบการ
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการลดขั้นตอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ที่มีโพรไบโอติกเป็นส่วนประกอบในอนาคต
นอกจากนี้
อย. ยังเร่งปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วย ฯ
ว่าด้วยการใช้จุลินทรีย์โพรไบโอติกในอาหาร ให้สอดคล้องกับหลักการขององค์การอนามัยโลก
(WHO) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการให้สามารถนำโพรไบโอติกไปใช้ในอาหารได้สะดวก
เป็นมาตรฐานสากลยิ่งขึ้น
เลขาธิการฯ ยืนยันว่า อย. มุ่งมั่นพัฒนาระบบกำกับดูแลให้ทันสมัย โปร่งใส และอิงหลักวิชาการ เพื่อสนับสนุนนักวิจัยและภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้มาตรฐานสากล