อย. ปรับระดับการควบคุมวัตถุอันตรายลินเดน (lindane) เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งจะมีผลห้ามใช้สารเคมีลินเดนในผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดแมลงที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข เพื่อเป็นการปฏิบัติตามว่าด้วยเรื่องของพันธกรณีของอนุสัญญาสตอกโฮล์มเกี่ยวกับสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป หากพบมีการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ

          นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 8 ) พ.ศ. 2555 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา มีผลทำให้เกิดการปรับระดับการควบคุมลินเดน (lindane) ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือน หรือทางสาธารณสุขที่นำมาใช้เพื่อประโยชน์แก่การระงับ ป้องกัน ควบคุม ไล่ กำจัดแมลงและสัตว์อื่นจากเดิมวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เปลี่ยนเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 โดยห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง การห้ามใช้สารลินเดนในผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย เป็นผลจากการปฏิบัติตามพันธกรณีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก ที่มีมติให้สารลินเดนเป็นสารเคมีในภาคผนวก เอ ของอนุสัญญา คือ ห้ามผลิต ห้ามใช้ และกำจัดให้หมด แต่เนื่องจากในเบื้องต้นหลายประเทศยังคงมีความจำเป็นต้องใช้เป็นยารักษาหิดเหาในคน เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องสารทดแทนตามอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ จึงอนุญาตให้มีการผลิตหรือใช้ได้สำหรับภาคีสมาชิกที่ขอขึ้นทะเบียนยกเว้นพิเศษเฉพาะการใช้เป็นยาทางเลือกในการรักษาหิดเหาในคน กรณีที่ยาอื่นใช้ไม่ได้ผล ทั้งนี้ การประกาศให้สารลินเดนเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 จะมีผลต่อผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดแมลงที่ใช้ในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข  ซึ่งจัดเป็นผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 แต่จะไม่มีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ยารักษาหิดเหาที่มีสารลินเดนเป็นตัวยาสำคัญที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นยาตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการให้เป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ

          นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการฯ อย.กล่าวต่อไปว่าการประกาศห้ามใช้สารลินเดนในผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายประเภทป้องกันกำจัดแมลงในบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข มีผลบังคับใช้ตั้งแต่                          วันที่ 13 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป หากพบว่ามีการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบว่าเป็นการกระทำโดยประมาทของผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกินแปดแสนบาท ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการมีผลิตภัณฑ์คงค้างหรือวางจำหน่ายในท้องตลาดจะต้องดำเนินการส่งมอบหรือเรียกคืนให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา