อย. จับมือร่วมกับ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) เพิ่มขีดความสามารถ การปฏิบัติงานด่านอาหารและยาให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศไทย เพื่อรองรับการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ในการอำนวยความสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายสินค้าให้สามารถเคลื่อนไหลโดยมีอุปสรรคน้อยที่สุดและเพื่อป้องกันสินค้าที่ไม่มีคุณภาพเข้ามา ณ ด่านอาหารและยา โดยทำความตกลงกับผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะเป็นผู้บริหารจัดการเขตบริการสุขภาพ (CEO) ในการกำกับดูแลสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีด่านอาหารและยาตั้งอยู่ในแต่ละเขตบริการสุขภาพ
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และในฐานะโฆษก อย. เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีหน้าที่ในการกำกับดูแลการนำเข้า นำผ่านและส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพ ป้องกันและปราบปรามการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย หรืออาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมทั้ง เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ จากเทคโนโลยีใหม่ และผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงด้านคุณภาพมาตรฐาน ในปัจจุบัน มีด่านอาหารและยาทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 44 แห่ง โดยตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 แห่ง ภาคเหนือ 8 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 แห่ง ภาคตะวันออก 2 แห่ง และภาคใต้ 13 แห่ง แต่ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ของ อย. ปฏิบัติงานอยู่ในด่านอาหารและยาเพียง 25 แห่ง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ครอบคลุม จึงต้องขอความอนุเคราะห์จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ที่มีด่านอาหารและยาตั้งอยู่เป็นผู้ดำเนินงานแทน 19 แห่ง
ด้วยเหตุนี้ อย. จึงได้ทำข้อตกลง (MOU) ร่วมกับ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) โดยสำนักตรวจและประเมินผล เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ การปฏิบัติงานด่านอาหารและยาให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยทำความตกลงกับผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะเป็นผู้บริหารจัดการเขตบริการสุขภาพ (CEO) นั้นๆ กำกับดูแลสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในแต่ละเขตบริการสุขภาพที่มีด่านอาหารและยาตั้งอยู่ ให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานด่านอาหารและยาตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข และขั้นตอนการปฏิบัติงานของด่านอาหารและยา และรายงานผลการปฏิบัติงานตามรูปแบบและระยะเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำหนด
รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า อย. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การร่วมมือกันระหว่างอย. กับ สป. สธ. จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของด่านอาหารและยา ให้สอดรับกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจในผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผ่านการตรวจสอบจากด่านอาหารและยาทั่วประเทศมากขึ้น