
อย.ห่วงใยผู้บริโภค แนะเคล็ด (ไม่) ลับ วิธีการเลือกซื้อ เลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ทรายกำจัดลูกน้ำยุง ให้ถูกต้องปลอดภัย เพื่อเป็นการป้องกันภัยจากโรคไข้เลือดออกที่ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในขณะนี้ ซึ่งมีลูกน้ำยุงลายเป็นพาหะนำโรคร้ายมาสู่คน ทรายกำจัดลูกน้ำยุงจัดเป็นวัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. โดยฉลากต้องระบุเลขทะเบียน วอส.ในกรอบเครื่องหมาย อย. ผู้ใช้ต้องใช้อย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะโฆษก อย. เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ช่วงฤดูฝนของทุกปีเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรคและส่วนใหญ่จะเพาะพันธุ์ในแหล่งน้ำที่สะอาดบริเวณบ้านเรือน ได้แก่ โอ่งน้ำ แจกัน จานรองขาตู้กันมด รวมถึงกระป๋อง กะลา ยางรถยนต์ที่มีน้ำขัง เป็นต้น รัฐบาลออกมาตรการรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายเหล่านี้ เพื่อลดอัตราการเกิดโรคไข้เลือดออก ในประเทศให้หมดสิ้นไป ซึ่งหลาย ๆ ครัวเรือนใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ “ทรายกำจัดลูกน้ำยุง” ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นวัตถุอันตรายที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยมีการขึ้นทะเบียนกับ อย.ทั้งในรูปแบบทรายและรูปแบบเม็ด แต่ที่นิยมใช้กันทั่วไปจะเคลือบด้วยสารเคมีสำคัญ คือ สารทีมีฟอส (temephos) อยู่ในกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต (organophosphate) โดยทั่วไปแล้วทรายทีมีฟอส 1 % นำไปใส่ในน้ำเพื่อให้ได้ความเข้มของสารทีมีฟอส 1 ppm หรือ 1 มิลลิกรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร ซึ่งเป็นความเข้มข้นที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ใช้ หากผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นของสารทีมีฟอส มากกว่า 1 % ให้ใช้ตามฉลากของผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ในสภาวะการใช้น้ำปกติ ทรายกำจัดลูกน้ำยุงที่มีคุณภาพควรออกฤทธิ์ในการควบคุมลูกน้ำยุงได้นาน 3 เดือน แต่หากผลิตภัณฑ์ระบุว่า “กำจัดลูกน้ำยุงได้นาน 3 เดือน โดยไม่มีการเติมน้ำในภาชนะนั้นอีก” หมายความถึง ผลิตภัณฑ์นั้น จะมีประสิทธิภาพได้นาน 3 เดือน เฉพาะในกรณีที่ไม่มีการเติมน้ำลงในภาชนะนั้นอีกสิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้ หากผู้บริโภคต้องเลือกซื้อ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทรายทีมีฟอส ผู้บริโภคต้องศึกษารายละเอียดให้แน่ชัดเสียก่อน ผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. โดยสังเกตจากการแสดงเลขทะเบียนวัตถุอันตรายทางสาธารณสุข (วอส.) ในกรอบเครื่องหมาย อย.บนฉลาก ตัวอย่างเช่น เป็นต้น ไม่ใช้ทรายกำจัดลูกน้ำยุงกับน้ำที่นำมาดื่มหรือกิน หากสัมผัสโดยตรงกับทรายกำจัดลูกน้ำยุง หรือน้ำที่มีทรายกำจัดลูกน้ำยุง อาจมีอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังการใช้ หากมีอาการปวดศีรษะ เหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และได้รับสารพิษของทรายกำจัดลูกน้ำยุง ให้รีบพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ หลังจากใช้ทรายกำจัดลูกน้ำยุงไปแล้ว ควรสังเกตว่ายังมีลูกน้ำยุงหรือไม่ หากยังพบอยู่แสดงว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวใช้ไม่ได้ผล ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ใส่ทรายกำจัดลูกน้ำยุงในแหล่งน้ำน้อยเกินไป มีการใช้น้ำจากแหล่งน้ำมากเกินไป ทำให้ความเข้มข้นของสารทีมีฟอสไม่เพียงพอที่จะมีฤทธิ์กำจัดลูกน้ำยุง อาจเสื่อมสภาพหรือใส่ทรายกำจัดลูกน้ำยุงนานเกิน 3 เดือน
รองเลขาธิการ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า วิธีเบื้องต้นที่จะป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออก ที่มียุงเป็นพาหะนำโรคได้นั้น คือ ต้องป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ทาผลิตภัณฑ์ป้องกันยุง ใช้มุ้งหรือมุ้งลวด จัดสภาพแวดล้อมไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น คว่ำภาชนะที่มีน้ำขัง ปิดภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิด หรือใช้ตาข่ายไนล่อนหรือผ้าขาวบางปิดปากโอ่งเพื่อป้องกันยุงลงไปวางไข่ หมั่นสำรวจลูกน้ำยุงในภาชนะกักเก็บน้ำ เปลี่ยนน้ำในแจกัน ทุก ๆ 7 วัน เพื่อตัดวงจรชีวิตลูกน้ำที่กลายเป็นยุง กำจัดลูกน้ำยุงโดยวิธีการต่าง ๆ อาทิ ทางกายภาพ ใช้ไม้ตบยุงไฟฟ้า หลอดไฟดักยุง ขัดล้างไข่ยุงลายที่ติดอยู่กับภาชนะใส่น้ำเพื่อกำจัดไข่ยุงลาย ทางชีวภาพ ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำถาวร อ่างบัว หรือภาชนะที่ปลูกพืชน้ำ และ ทางสารเคมี การใช้ทรายกำจัดลูกน้ำยุง การฉีดพ่นผลิตภัณฑ์กำจัดยุง เป็นต้น
หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถสืบค้นข้อมูลได้ที่ งานบริการข้อมูลผลิตภัณฑ์สุขภาพผ่านอินเทอร์เน็ต (http://fdaolap.fda.moph.go.th/logistics/psiond/PSerch.asp?id=psio) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริการออนไลน์ : ระบบสอบถามข้อมูลสารเคมีและผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (http://www.fda.moph.go.th/psiond/eservice.htm) สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มพัฒนาระบบวัตถุอันตราย 0 2590 7385 0 2590 7308 หรือ E-mail toxic@fda.moph.go.th