หลังมีข่าวพริตตี้เสียชีวิต คาดว่าสาเหตุอาจเกิดจากการกินยาลดความอ้วนที่ซื้อผ่านทางเฟซบุ๊ก อย. มิได้นิ่งนอนใจ ลุยร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. ตรวจสอบเข้มตามนโยบายรัฐในการปราบปรามผู้กระทำผิดด้านโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพเกินจริง รุกหาแหล่งขายยาลดความอ้วนผิดกฎหมาย ทั้งสั่งซื้อและสืบสวนสอบสวน พบ น.ส.ชลธิชา แตงหนู (ชื่อเล่น เชอร์รี่) เป็นผู้ขายยาผ่านเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อว่า “เชอร์รี่ 3 โคก” ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า รับยามาจาก เอรียาคลินิกเวชกรรม ย่านห้วยขวาง แจ้งข้อหาผู้กระทำผิดทันที ทั้งขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาตและขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ย้ำเตือนหญิงสาว อย่าหลงเชื่อโฆษณาอวดสรรพคุณของยาลดความอ้วน ทางสื่อต่าง ๆ เสี่ยงต่อผลข้างเคียงสูงทั้งหัวใจและหลอดเลือด อาจทำให้เสียชีวิตได้ พร้อมเตือนผู้ขายยาลดความอ้วนผ่านทางสื่อทุกสื่อ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากตรวจพบจะถูกดำเนินคดีขั้นสูงสุด
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกับ ตำรวจ บก.ปคบ. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำทีมโดย พล.ต.ต.สมชาย ทองศรี ผบก.ปคบ. , พ.ต.อ.ไพฑูรย์ คุ้มสระพรหม รอง ผบก.ปคบ. , พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ผกก.4 บก.ปคบ. , พ.ต.ท.เอกรัตน์ ทัศเจริญ สารวัตรกองกำกับการ 4 บก.ปคบ. และ น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ประธานอนุกรรมการเพื่อดำเนินการสืบสวน จับกุม ปราบปราม การกระทำผิดกฎหมายทางอินเทอร์เน็ต แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากนโยบายรัฐบาลในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาของประชาชนผู้ได้รับความเดือนร้อนจากการสั่งซื้อสินค้า รวมทั้งการกระทำความผิดอาญาอื่นทางอินเทอร์เน็ต ประกอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน) มีนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งของระบบการติดตามเฝ้าระวังและการบังคับใช้กฎหมายภายหลังผลิตภัณฑ์ ออกสู่ตลาด ดังนั้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค ล่าสุด ตามที่มีข่าวทางสื่อว่าพริตตี้สาวเสียชีวิตด้วยอาการช็อกจากผลข้างเคียงของการกินยาลดความอ้วน หลังจากการกินยาไปเพียง 21 วัน กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใยในเรื่องดังกล่าว หลังทราบข่าว จึงรุดประสานไปยังตำรวจ บก.ปคบ. ให้สืบสวนการขายยาลดความอ้วนดังกล่าวทันที ซึ่งตรวจพบหญิงสาวซื้อยาที่มีการโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่า “ยาลดความอ้วน เชอร์รี่ 3 โคก” ทางตำรวจ บก.ปคบ. จึงทำการสืบสวนในทางลับจนพบหมายเลขโทรศัพท์ 0959420421ขายยาดังกล่าว จึงทำการสั่งซื้อยาลดความอ้วนที่มีการขายในราคาชุดละ 500 บาท เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 58 ช่วงบ่ายได้นัดส่งสินค้าย่านรัตนาธิเบศร์ โดยผู้ส่งสินค้าแจ้งว่าได้รับสินค้ามาจาก น.ส.ชลธิชา แตงหนู (ชื่อเล่น เชอร์รี่) หลังจากนั้นวันเดียวกันช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. และ อย. จึงนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 522/39 หมู่บ้านกลางเมือง 2 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ซึ่ง น.ส.ชลธิชา แตงหนู แสดงตนเป็นเจ้าของบ้านและนำตรวจค้น ปรากฏพบยาแผนปัจจุบันที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา เป็นยาลักษณะเดียวกับที่ตำรวจที่สั่งซื้อ ทั้งนี้ น.ส.ชลธิชา รับว่ายาดังกล่าวเป็นยาลดความอ้วนที่มีไว้จำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้ขออนุญาตขายยาแต่อย่างใด ซึ่งให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า รับยาดังกล่าวมาจากคลินิกแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง และเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. ร่วมกับ อย. ได้ขยายผลตรวจสอบพบคลินิกตามที่ได้รับแจ้ง ชื่อ “เอรียาคลินิกเวชกรรม” เลขที่ 4 ปากซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 6 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นคลินิกดังกล่าว ผลการตรวจพบยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา เช่น ยาแคปซูลส้มแขก , CPS Placenta Sheep (Chiled), ยาเม็ดกลมเคลือบสีขาว , ยาแคปซูลสีเหลือง , ยาแคปซูลสีเขียว-ชมพู , ยาแคปซูลสีเทา-เหลือง , ยาเม็ดกลมเคลือบสีเขียว สีส้ม , ยาเม็ดกลมแบนสีแดง สีส้ม สีเขียวอ่อน สีเหลือง , แคปซูลสีชมพูมุก สีชมพูอ่อน สีขาว สีเขียว เป็นต้น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ยาที่ผิดกฎหมายดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นยาลดความอ้วน ทางเจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์หาสารอันตรายและส่งตรวจพิสูจน์ว่าเป็นตัวยาเดียวกับที่พริตตี้ได้กินแล้วเสียชีวิตหรือไม่ เพื่อแจ้งผลทางคดีอย่างเข้มงวดต่อไป
ส่วนผลดำเนินคดี ในเบื้องต้นแจ้งข้อหา ดังนี้
1. ขายยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ
2. ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
3. หากตรวจพบว่าเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จะมีโทษ ตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 - 400,000 บาท
นพ.บุญชัย เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ขอเตือนมายังหญิงสาว หรือผู้ที่ต้องการลดความอ้วน อย่าหลงเชื่อโฆษณาขายยาลดความอ้วนผ่านทางสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะทางเว็บไซต์ และทาง Social media หรือไปหาซื้อยามากินเองเด็ดขาด เพราะยาลดความอ้วน จะเสี่ยงต่อผลข้างเคียงสูงทั้งหัวใจและหลอดเลือด อาจทำให้เสียชีวิตได้ หากจำเป็นต้องใช้ยาลดความอ้วน ควรใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น ที่ผ่านมาพบว่ามีการจำหน่ายเป็นยาชุดใส่ซองแยกเป็นรายการไว้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ายาชุดที่มีการนำไปใช้ลดน้ำหนัก ประกอบด้วยยาประมาณ 1-5 รายการ มียาที่ออกฤทธิ์ลดความอยากอาหาร หรือยับยั้งการดูดซึมของไขมัน หรือเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ซึ่งยาเหล่านี้มีหลายประเภทมีอันตรายสูง จนถูกยกเลิกทะเบียนตำรับยาและห้ามจำหน่ายไปแล้ว ร่วมกับยาอื่นๆที่นำมาจัดร่วมเป็นชุดเพื่อบรรเทาผลข้างเคียงจากการใช้ยา สุดท้ายผู้ที่ใช้ยาชุดเหล่านี้ ก็ไม่อาจรอดพ้นจากอันตรายของยาลดความอ้วนได้ โดยจะมีอาการนอนไม่หลับ เวียนศีรษะ วิตกกังวล ปวดศีรษะ ใจสั่น ตาพร่า ท้องผูก ฯลฯ ที่สำคัญคือ อันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้
ที่จริงการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง คือ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนในสัดส่วนที่เหมาะสม และต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคด้วย พร้อมกันนี้ อย. ขอเตือนผู้ขายยาผ่านทาง Social Media หรือร้านขายยาต่าง ๆ อย่าได้กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการขายยาที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ เสี่ยงต่อการเกิดผลร้ายต่อผู้บริโภค หากผู้บริโภคพบเบาะแสการโฆษณา การผลิต/จำหน่าย ยาลดความอ้วนผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือรองเรียนผาน Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ หรือสายด่วน บก.ปคบ 1135 หรือสายด่วนกระทรวงไอซีที 1212 เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด