
อย. สร้างมิติใหม่ ดำเนินงานโครงการอาหารปลอดภัย ปี 2558 มุ่งหารูปแบบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โดยจัดทำแผนการเรียนรู้ 9 แผนกิจกรรม ทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนต้นแบบ 4 โรงเรียน จาก 4 ภาค นำร่องภาคอีสาน ที่โรงเรียนภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ หวังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กตั้งแต่แรกเข้า ให้เด็กมีส่วนร่วมคิด และฝึกปฏิบัติ เน้นการอ่านและใช้ประโยชน์จากฉลากโภชนาการ เช่น ฉลากหวาน มัน เค็ม (ฉลาก GDA) หวังลดการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่นักเรียนนิยมบริโภค ได้แก่ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและกาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ รวมถึงวิธีเลือกบริโภคอาหารหน้าโรงเรียน เช่น อาหารทอด ปิ้ง ย่าง ใส่สี อย่างปลอดภัย ลดความเลี่ยงต่อ การเกิดโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กในอนาคต
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และในฐานะโฆษก อย. เปิดเผยว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ปี 2558 ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม ส่วนใหญ่บริโภคขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม และเครื่องดื่มอื่น ๆ คิดเป็น ร้อยละ 62.2 โดยอาหารประเภทขนมขบเคี้ยว นิยมบริโภคมันฝรั่งทอดกรอบสูงถึงร้อยละ 69.9 สำหรับน้ำอัดลม นิยมดื่มน้ำอัดลมประเภทโคล่าร้อยละ 70.1 ในเครื่องดื่มอื่น ๆ นิยมบริโภคชาพร้อมดื่มมากที่สุด โดยมีการบริโภคร้อยละ 41.4 และมีการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อาหารก่อนเลือกซื้อและใช้ โดยส่วนมากดูวันเดือนปีที่หมดอายุ แต่มีนักเรียนส่วนน้อยที่รู้จักและเข้าใจความหมาย ตลอดจนวิธีการใช้ประโยชน์จากฉลากโภชนาการ อาทิ ฉลากหวาน มัน เค็ม ซึ่ง อย. เห็นควรปลูกฝัง ส่งเสริม นักเรียนให้มีพฤติกรรมการบริโภคใช้ประโยชน์จากข้อมูลบนฉลาก เช่น ฉลากหวาน มัน เค็ม (ฉลาก GDA) นำมาใช้เลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมาะสมกับความต้องการ หากเร่งส่งเสริมในนักเรียนตั้งแต่แรกเข้าชั้นมัธยมศึกษา อ่านเป็น เห็นประโยชน์ เห็นผลชะงัด ในด้านที่สามารถช่วยลดการได้รับน้ำตาล ไขมัน และ โซเดียม ที่มาจากการบริโภคขนมขบเคี้ยวได้ดีขึ้น
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า อย. จึงได้ริเริ่มแนวคิดใหม่ขึ้น โดยหารูปแบบ (model) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสมของนักเรียนในโรงเรียน (ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ อย.) ว่าทำอย่างไรให้เด็กนอกจากมีความรู้ ความเข้าใจแล้ว ยังเชื่อและปฏิบัติตาม เพื่อเป็นต้นแบบในการนำไปใช้กับโรงเรียนอื่น ๆ และจัดทำออกมาในรูปแบบของแผนการจัดการเรียนรู้ 9 แผนกิจกรรม รวมถึงผลิตสื่อต้นแบบประกอบการสอน เช่น สื่อวีดิทัศน์เรื่อง เมื่อสุขภาพเสียไป มันมากับอาหาร ชุดนิทรรศการ หนังสือเสริมสร้างพฤติกรรมการบริโภค นำมาทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเป็นกลุ่มทดลองจำนวน 1 ห้อง ในโรงเรียนต้นแบบ 4 โรงเรียน จาก 4 ภาค ได้แก่ โรงเรียนภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ โรงเรียนแกลง “วิทยสถาวร” จังหวัดระยอง โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล จังหวัดกระบี่ และโรงเรียนสันป่าตองวิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารและครูในโรงเรียนต้นแบบ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในจังหวัดที่ทดลองใช้รูปแบบเป็นอย่างดี ในการให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดทำสื่อต้นแบบ และแผนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าว
ทั้งนี้แผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้น มีการใช้แนวคิดของแบบแผนความเชื่อทางด้านสุขภาพ (Health Belief Model) เป็นกรอบในการดำเนินงาน เช่น แผนการเรียนรู้ เรื่อง ภาพแห่งอนาคต มุ่งให้เด็กรับรู้โอกาสเสี่ยงในการเกิดโรค เมื่อบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม และรับรู้ความรุนแรงของโรคเมื่อเจ็บป่วยจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เหมาะสม หรือ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง อาหารไม่มีฉลากภัยร้ายใกล้ตัว ที่แทรกเรื่องวิธีการอ่านและใช้ประโยชน์จากฉลากหวาน มัน เค็ม (ฉลาก GDA) และข้อมูลบนฉลากอื่น ๆ ในการเลือกบริโภคอาหารอย่างเหมาะสม เป็นต้น เน้นการมีส่วนร่วมและมีการฝึกปฏิบัติในชั้นเรียน รวมถึง มีการดำเนินฐานกิจกรรมในรูปแบบเกม ซึ่งแฝงสาระพร้อมความสนุกสนานแทรกอยู่ในแผนกิจกรรมด้วย
รูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มุ่งเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน คือ นอกจากให้เด็กรับรู้โอกาสเสี่ยง และความรุนแรงของโรคที่เกิดจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมและ/หรือไม่ปลอดภัยแล้ว ยังต้องการปลูกฝังให้เด็กเกิดพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสม รู้จักภัยร้ายที่อาจแฝงมากับอาหารหน้าโรงเรียน ลดการบริโภคอาหารที่ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพ และรู้จักปกป้องสิทธิ์ให้แก่ตนเองและบุคคลรอบข้าง เมื่อพบผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ปลอดภัย ที่สำคัญให้รู้จักและใช้ประโยชน์จากฉลากอาหาร เช่น ฉลากหวาน มัน เค็ม บนซองขนมขบเคี้ยว โดยหลังการทดลองใช้แล้วจะมีการนำมาปรับปรุง เพื่อให้ได้รูปแบบ (model) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสมต่อไป สามารถนำมาใช้เป็นต้นแบบกับโรงเรียนอื่น ๆ ได้ต่อไป