
อย. ร่วมกับภาคธุรกิจด้านเครื่องสำอางไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมคณะกรรมการเครื่องสำอางแห่งอาเซียน (ASEAN Cosmetic Committee: ACC) ครั้งที่ 23 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากภาครัฐและเอกชนด้านเครื่องสำอางของประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการหารือด้วย เพื่อปรับกฎระเบียบการกำกับดูแลด้านเครื่องสำอางให้สอดคล้องกันในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มการเจริญเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของไทยสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกจากยอดการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี รวมทั้ง อย. ตระหนักถึงการเฝ้าระวังความปลอดภัยของผู้บริโภคจากการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่จำหน่ายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ อย. จึงได้มีการประชุมร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนปีละ 2 ครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยและปรับกฎระเบียบให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25-27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา อย.ได้ร่วมกับภาคธุรกิจด้านเครื่องสำอางไทย เป็นเจ้าภาพในการจัด “การประชุมคณะกรรมการเครื่องสำอางแห่งอาเซียน (ASEAN Cosmetic Committee: ACC)” ครั้งที่ 23 พร้อมทั้งจัดการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและผู้แทนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เข้าร่วมประชุมในนามประเทศไทยเพื่อหารือกับผู้แทนภาครัฐด้านเครื่องสำอางของประเทศสมาชิกอาเซียน อีก 8 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมาร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีเลขานุการอาเซียน (ASEAN Secretariat) และผู้แทนสมาคมเครื่องสำอางอาเซียน(ASEAN Cosmetic Association: ACA) เข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยการประชุมมี
วัตถุประสงค์เพื่อติดตามการดำเนินการตามความตกลงการปรับกฎระเบียบด้านเครื่องสำอางให้สอดคล้องกันในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือที่เรียกว่า Agreement on ASEAN Harmonized Cosmetic Regulatory Scheme (AHCRS) เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี
สำหรับการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น เช่น การประชุมคณะกรรมการวิชาการเครื่องสำอางอาเซียน (ASEAN Cosmetic Scientific Body: ACSB) ครั้งที่ 23 เป็นการประชุมระหว่างผู้แทนภาครัฐด้านเครื่องสำอาง ผู้แทนภาคเอกชนและผู้แทนภาคการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้การพิจารณาด้านวิชาการและด้านสารต่าง ๆ ที่ใช้ในเครื่องสำอางของอาเซียนให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน อันจะช่วยให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีการประชุมคณะกรรมการห้องปฏิบัติการทดสอบเครื่องสำอางอาเซียน (ASEAN Cosmetic Testing Laboratory Committee: ACTLC) ครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นการประชุมติดตามเกี่ยวกับวิธีทดสอบต่าง ๆ ทางห้องปฏิบัติการด้านเครื่องสำอางของอาเซียนให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เช่น การทดสอบเกี่ยวกับสารห้ามใช้หรือสารที่อาจใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง
เลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นการเปิดบทบาทในระดับนานาชาติของภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องด้านเครื่องสำอางของประเทศไทย ซึ่งข้อสรุปที่ได้จากการประชุมจะถูกนำมาใช้ในการปรับกฎหมายของประเทศ เพื่อลดอุปสรรคต่อการประกอบการของผู้ประกอบธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศ อย. หวังอย่างยิ่งว่าการประชุมครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมใหอุตสาหกรรมเครื่องสําอางของไทยมีศักยภาพในการแขงขันในระดับสากลต่อไป