
อย. เผยผลสำเร็จการจัดโครงการ “จิตอาสาสร้างสรรค์ อย. สร้างเสริม” ที่เปิดให้นิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัยต่าง ๆ สร้างสรรค์โครงการเข้าประกวด เพื่อรณรงค์แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพในชุมชนหรือสังคม ให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง มีสุขภาพดี โดย 4 ทีมสุดท้าย ที่ผ่านเข้ารอบเสนอผลงานสุดเจ๋ง เพื่อแก้ปัญหาการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายในชุมชน ที่ตนรัก ชิงตำแหน่งโครงการจิตอาสาดีเด่นเงินรางวัล 20,000 บาท โดยทุกทีมจะได้เหรียญจิตอาสา เพื่อเป็นเกียรติประวัติ ในการช่วยภารกิจ อย. คุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
วันนี้ (31 พฤษภาคม 2559) ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร 1 ชั้น 1 ตึก อย. นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ในฐานะโฆษก อย. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี ตลอดจนมีพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ถูกต้อง เพื่อเป็นเกราะป้องกันภัยจากผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย จึงได้จัดให้มีโครงการ “จิตอาสาสร้างสรรค์ อย.สร้างเสริม” ขึ้น เป็นปีแรก ภายใต้แนวคิด “FDA VOLUNTEER TEAM” เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มจิตอาสาที่เป็นนิสิต นักศึกษา มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด ได้แสดงออกถึงพลังคนรุ่นใหม่ ที่มีหัวใจจิตอาสา ส่งโครงการเข้าร่วมประกวด และรณรงค์ให้ความรู้ และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือสังคมหรือชุมชนที่ตนเองรัก ให้มีความรู้และมีพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ถูกต้อง ปลอดภัยต่อสุขภาพ และตระหนักถึงอันตรายจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย
หลังจากที่ได้เปิดรับสมัครนิสิต นักศึกษา ทุกระดับชั้นของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 มีทีมจิตอาสาที่สมัครเข้าร่วมประกวดในโครงการถึง 23 ทีม ได้มีการคัดเลือก ผู้ที่ผ่านเข้ารอบแรกไปแล้ว 15 ทีม และเหลือรอบสุดท้าย 4 ทีม โดยทั้ง 4 ทีม จะได้รับเงิน 50,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริง และนำผลงานพร้อมทั้งการดำเนินงานที่ได้จากการลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริงมาสรุปผลต่อหน้าคณะกรรมการ ในวันนี้ (31 พฤษภาคม 2559) เพื่อตัดสินโครงการจิตอาสาดีเด่น ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท และทีมจิตอาสาทั้ง 15 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบ จะได้รับเหรียญจิตอาสาเชิดชูเกียรติพร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่จิตอาสาทุกทีม และอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ ทั้งนี้ จิตอาสาทั้ง 4 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย มีผลงานที่ได้ดำเนินงานมากมาย เช่น
- ทีม PA SPUKK จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ขอนแก่น จ.ขอนแก่น จัดแสดงละครเร่ ในชุมชนที่พบปัญหาเกี่ยวกับยาที่อ้างว่าเป็นยาแผนโบราณ ยาน้ำสมุนไพร ยาชุด ที่ลักลอบใส่สารสเตียรอยด์ ซึ่งได้แก่ ชุมชนเขตพื้นที่เทศบาลนครขอนแก่น และชุมชนพระธาตุขามแก่นนคร อ.น้ำพอง
- ทีม 2 Ways จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรม เดินรณรงค์ในธีม ยาผีบอก หลอกไปตาย โดยผู้รณรงค์แต่งกายเป็นผีประเภทต่าง ๆ และแจกผ้ายันต์คำคมข้อแนะนำการใช้ยา ในย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและย่านห้วยขวาง จัดกิจกรรมผ่านโซเซียลมีเดีย รณรงค์ไม่ให้ประชาชนใช้ยาผีบอก และจัดทำ Viral Clip ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโทษที่เกิดจากยาที่ลักลอบผสมสารสเตียรอยด์ เป็นต้น
- ทีมลูกพระสัพพัญญู จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ จัดโครงการ หมู่บ้านปลอดภัย ห่างไกลสารสเตียรอยด์ โดยลงพื้นที่ให้ความรู้ในชุมชนวัดห้วยหอม อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในเรื่องโทษจากการใช้ยาที่อ้างว่าเป็นยาแผนโบราณที่ลักลอบผสมสารสเตียรอยด์ และมีการสาธิตการใช้สมุนไพรบำบัดทดแทน มีการทดสอบหาสารสเตียรอยด์ใน
ยาที่คนในชุมชนนำมาทดสอบ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมปั่นแลกเปลี่ยนยาชุด ลุ้นจับรางวัล เพื่อขอแลกยาชุดที่ลักลอบผสมสารสเตียรอยด์ กับ ไข่ หรือ ของใช้ในครัวเรือนอื่น ๆ และมีกิจกรรมกองบัญชาการข่าวสารด้านสุขภาพ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้กลุ่มแกนนำอาสาสมัครในชุมชน กระจายข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพให้กับคนในชุมชน
- ทีมสิงห์พนมอาสา จากคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนม จัดโครงการ รัฐประศาสนศาสตร์อาสา “หยุด” ความสวยข้ามคืน หน้าพังข้ามปี โดยจัดกิจกรรมรณรงค์ให้นักเรียน นักศึกษาได้รับรู้ถึงอันตรายของเครื่องสำอางที่มีสารอันตราย รู้จักเลือกใช้เครื่องสำอางอย่างปลอดภัย จัดกิจกรรมวัยรุ่นไม่หมกหมุ่นเรื่องสิว จัดประกวดค้นหา “สาวหน้าใส ไร้สารหน้าขาว” และจัดกิจกรรมที่มีการแชร์ประสบการณ์จาก ผู้ที่เคยใช้เครื่องสำอางที่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมที่โรงเรียนศรีบัวบานพิทยาคม นครพนม และ รอบชุมชนใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยนครพนม
รองเลขาธิการ ฯ กล่าวต่อไปว่า ทั้ง 4 ทีมมีการนำเสนอผลงานและการดำเนินงานอย่างเข้มข้นสร้างความหนักใจให้แก่คณะกรรมการเป็นอย่างมาก เพราะทุกทีมมีการดำเนินงานอย่างจริงจัง และ มีหัวใจจิตอาสาอย่างแท้จริง มีความมุ่งมั่นและตั้งใจให้คนในชุมชนที่ตัวเองรักมีสุขภาพดี แต่อย่างไร ก็ตาม ย่อมมีทีมเดียวที่ได้รับรางวัล โครงการจิตอาสาดีเด่น ซึ่งจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 20,000 บาท ซึ่งได้แก่ ทีมลูกพระสัพพัญญู จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ และ ทีมจิตอาสาที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบ 15 ทีม พร้อมทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ จะได้รับมอบเหรียญจิตอาสา และใบประกาศเกียรติคุณ เพื่อเชิดชูเกียรติ
รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอแสดงความยินดีกับทีมที่ดำเนินโครงการจิตอาสาดีเด่นที่ได้รับรางวัล และนิสิตนักศึกษาทุกทีมที่ผ่านเข้ารอบในครั้งนี้ ทุกท่านถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่เสริมสร้างพลังคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในการทำงานเพื่อสังคมมีความเสียสละ ทั้งแรงกาย แรงใจ ที่จะทำให้สังคมหรือชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่มีสุขภาพดี และที่สำคัญคือช่วยงานคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพซึ่งเป็นภารกิจของ อย.อีกแรงหนึ่ง ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการตอบรับจากคนรุ่นใหม่ไฟแรงในโอกาสต่อไป