
สนองนโยบายรัฐปราบปรามผู้กระทำผิดด้านโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพเกินจริง หลังมีข่าวเด็ก ม. 5 เสียชีวิต คาดว่าสาเหตุอาจเกิดจากการกินยาลดความอ้วนที่ซื้อผ่านทางอินเทอร์เน็ต อย. รุกจับมือกับตำรวจ บก.ปคบ. , ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด และ สสจ.ชลบุรี ตรวจสอบเข้มหาแหล่งขายยาลดความอ้วนผิดกฎหมาย ทั้งสั่งซื้อและสืบสวนสอบสวน พบเด็กสาวกินยาลดความอ้วนยี่ห้อ “บิวตี้ชิคค์ (Beauty Chic)” สั่งซื้อผ่านเฟซบุ๊ก ผู้ขายยาและผู้ผลิตอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ยึดของกลางกว่า 11 ล้านบาท แจ้งข้อหาผู้กระทำผิดทันที เตือนสาวอยากผอม อย่าหลงเชื่อโฆษณาขายยาลดความอ้วน โดยเฉพาะผ่านทาง Social media เพราะยาลดความอ้วนที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ เสี่ยงต่อผลข้างเคียงสูงทั้งหัวใจและหลอดเลือด อาจทำให้เสียชีวิตได้ พร้อมเตือนผู้ที่โพสต์ขายยาลดความอ้วนทางสื่อสังคมออนไลน์และทุกสื่อ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ยา ควรมีคุณธรรมจริยธรรม หากตรวจพบจะถูกดำเนินคดี มีโทษทั้งจำและปรับในอัตราโทษที่สูง
นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และ ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ในฐานะโฆษก อย. ร่วมกับ ตำรวจ บก.ปคบ. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำทีมโดย พล.ต.ต.ประเสริฐ พัฒนาดี ผบก.ปคบ. , พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ผกก.4 บก.ปคบ.และ พ.ต.ท.อภิชัย ไลออน รอง ผกก. 4 บก.ปคบ. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากนโยบายรัฐบาลในการหา แนวทางแก้ไขปัญหาของประชาชนผู้ได้รับความเดือนร้อนจากการสั่งซื้อสินค้า รวมทั้งการกระทำความผิดอาญาอื่นทางอินเทอร์เน็ต ประกอบกับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในการปราบปรามจับกุมผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค ล่าสุด ตามที่มีข่าวนักเรียนหญิง ม. 5เสียชีวิต อาจเกิดจากผลข้างเคียงของการกินยาลดความอ้วน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใยในเรื่องดังกล่าว หลังทราบข่าวจึงรุดขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด และประสานไปยังตำรวจ บก.ปคบ. ให้สืบสวนการขายยาลดความอ้วนดังกล่าวทันที ซึ่งตรวจพบหญิงสาวซื้อยาที่มีการโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางเฟซบุ๊ก ชื่อ “Beauty Chic By noon” ทางตำรวจ บก.ปคบ. จึงได้ติดต่อขอซื้อผลิตภัณฑ์จากเฟซบุ๊กดังกล่าวมาตรวจสอบ พบเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สูตรผอมขาวชื่อ “บิวตี้ชิคค์ (Beauty Chic) มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง และขยายผลต่อพบแหล่งผลิต/จำหน่าย คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เนเจอร์คอส แลบอราทอรี่ เลขที่ 99/116 ม.6 ต.บ้านปึก อ.เมือง จ.ชลบุรี และสถานที่โฆษณาบ้านเช่าเลขที่ 47 ห้องที่ 4 หมู่ 2 ต.หนองขยาด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ดังนั้น เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ , อย. และ สสจ.ชลบุรี ได้กระจายกำลังนำหมายค้นของศาลแขวงชลบุรีเข้าตรวจค้นสถานที่ 2 แห่ง ดังนี้
1. ห้างหุ้นส่วนจำกัด เนเจอร์คอส แลบอราทอรี่ เลขที่ 99/116 ม.6 ต.บ้านปึก อ.เมือง จ.ชลบุรี พบ น.ส.มณษา อังกูรชวะนน แสดงตนเป็นเจ้าของสถานที่และนำการตรวจค้น ผลการตรวจสอบ พบไม่มีใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน และสถานที่ผลิตไม่ผ่านมาตรฐานหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (GMP) พบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในลักษณะเป็นผลิตภัณฑ์บรรจุแคปซูลสีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังพบผลิตภัณฑ์บรรจุในขวดพลาสติกใส ฉลากสีฟ้าระบุข้อความ lishou และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Ishou บรรจุในกระป๋องโลหะสีฟ้า ทั้งหมดนี้ไม่พบการแสดงฉลากผลิตภัณฑ์ รวมทั้งยังพบวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และยาอันตรายจำนวนมาก
2. บ้านเช่าเลขที่ 47 ห้องที่ 4 หมู่ 2 ต.หนองขยาด อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โดยมี น.ส.ศิริรัตน์ พรบุญมารุ่ง เป็นผู้นำการตรวจค้น พบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดต่าง ๆ ที่โฆษณาลดน้ำหนักจำนวนมาก ซึ่งได้สั่งซื้อมาจาก หจก. เนเจอร์ คอส แลบอราทอรี และเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารปลอม แสดงฉลากไม่ถูกต้อง ดังนี้
1. ผลิตภัณฑ์แคปซูลบรรจุขวดพลาสติกสีทอง ฉลากสีเหลือง ระบุข้อความ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: สูตรผอมขาว บิวตี้ชิคค์ Beauty Chic สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 7 ชนิด
2. ผลิตภัณฑ์แคปซูลบรรจุขวดพลาสติกสีเงิน ฉลากสีน้ำตาล ระบุข้อความ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร : สูตรดื้อยา บิวตี้ชิคค์ Beauty Chic สกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ 7 ชนิด
3. ผลิตภัณฑ์บรรจุกระปุกสีขาว ฉลากสีเหลือง ระบุข้อความ บิวตี้ชิคค์ Beauty Chic สมุนไพรลดเฉพาะส่วน ลดกระชับ ต้นแขน ต้นขา สะโพก ช่วยกระชับสัดส่วนได้เป็นอย่างดี
4. แคปซูลสีส้มบรรจุแผงบริสเตอร์
5. แคปซูลสีแดงเหลืองบรรจุแผงบริสเตอร์
เจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางและส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมมูลค่าของกลางกว่า 11 ล้านบาท
ส่วนผลดำเนินคดี ในเบื้องต้นแจ้งข้อหา ดังนี้
1. กรณีมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2
1.1 มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท
1.2 ผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออก วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท
2. กรณีเป็นยา
2.1 ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
2.2 ขายยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.3 ขายยาบรรจุเสร็จหลายขนาดโดยจัดเป็นชุดในคราวเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
1. ผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
2. ผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ขอเตือนมายังหญิงสาว หรือผู้ที่ต้องการลดความอ้วน อย่าหลงเชื่อโฆษณาขายยาลดความอ้วนผ่านทางสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะทางเว็บไซต์ และทาง Social media หรือไปหาซื้อยามากินเองเด็ดขาด การใช้ยาลดความอ้วนอย่างไม่ถูกต้องจะไม่สามารถทำให้หายจากโรคอ้วนได้ เพราะหากใช้ติดต่อกันระยะหนึ่ง น้ำหนักจะกลับขึ้นได้อีก (yo-yo effect) และเสี่ยงจากผลข้างเคียงของยา โดยจะมีอาการนอนไม่หลับ เวียนศีรษะ วิตกกังวล ปวดศีรษะ ใจสั่น ตาพร่า ท้องผูก ฯลฯ ที่สำคัญคือ อันตรายต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ ฉะนั้น หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อแก้ปัญหาโรคอ้วน ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม อย. ขอเตือนผู้ขายยาผ่านทาง Social Media หรือร้านขายยาต่าง ๆ อย่าได้กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการขายยาที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ เสี่ยงต่อการเกิดผลร้ายต่อผู้บริโภค หากต้องการลดน้ำหนัก ควรหันมาออกกำลังกายทุกวัน ดื่มน้ำมาก ๆ บริโภคอาหารประเภท แป้ง น้ำตาล และไขมันจากสัตว์ให้น้อยลง บริโภคผลไม้ ผักหลายสี ทุกวัน หากผู้บริโภคพบเบาะแสการโฆษณา การผลิต/จำหน่าย ยาลดความอ้วนผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาได้ที่ สายด่วน อย. 1556 หรือรองเรียนผาน Oryor Smart Application หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ หรือสายด่วน บก.ปคบ 1135 เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด