
อย. เดินหน้าบริหารจัดการความปลอดภัยผักและผลไม้สด เน้นดำเนินการในระดับพื้นที่ บูรณาการทุกภาคส่วนร่วมมือกันตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ เน้นดำเนินการในระดับพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งจากรากฐานระดับชุมชนและสถานประกอบการ มุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี ไม่เจ็บป่วยจากโรคที่เกิดจากอาหาร สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคและส่งเสริมการบริโภคผักและผลไม้วันละ 400 กรัม ตามเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด
นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการอาหารแห่งชาติได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศ เพื่อร่วมกันขจัดปัญหาทุพโภชนาการตลอดช่วงวัย ทำให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี ไม่เจ็บป่วยจากโรคที่เกิดจากอาหาร โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นหน่วยงานหนึ่งที่กำกับดูแลให้คนไทยบริโภคอาหารปลอดภัย จึงจัดให้มีโครงการพัฒนาและยกระดับการกำกับดูแลผักและผลไม้สดปลอดภัย ตามแนวคิด “คนไทยต้องได้บริโภคผักและผลไม้ที่มีคุณภาพและความปลอดภัย สามารถตามสอบย้อนกลับได้” เน้นการบูรณาการหน่วยงานตลอดห่วงโซ่ เพื่อการจัดการผักและผลไม้สดปลอดภัยตลอดห่วงโซ่ตั้งแต่ต้นน้ำ (ฟาร์ม/เกษตรกร) , กลางน้ำ (แหล่งรวบรวม/โรงคัดบรรจุ/แหล่งจำหน่าย) และปลายน้ำ (ผู้บริโภค) นอกจากนี้ อย. ได้จัดทำร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดวิธีการผลิต เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต และการเก็บรักษาผักหรือผลไม้สดบางชนิด และการแสดงฉลาก โดยกำหนดให้ผักและผลไม้สดบางชนิดที่ผ่านกระบวนการคัดและบรรจุต้องมาจากแหล่งเพาะปลูกที่มีการควบคุมการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่ปลอดภัยและต้องมีการแสดงฉลาก รวมถึงการบ่งชี้รุ่นการผลิตเพื่อการตามสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผักและผลไม้ที่มีคุณภาพปลอดภัย
เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า ผักผลไม้สดไทยมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจการค้าของประเทศ สร้างรายได้ให้ประเทศชาติเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง ดังนั้น อย. จะไม่หยุดนิ่งในการขับเคลื่อนให้ “ผักและผลไม้สด” ในทุกสถานที่ผลิตที่มีการคัดและบรรจุ ก่อนออกจำหน่ายต้องได้คุณภาพมาตรฐานและมีความปลอดภัย สามารถตามสอบย้อนกลับแหล่งที่มาได้ ด้วยการร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2560 อย. ได้นำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงาน ณ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก ต.ห้วยแก้ว กิ่ง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งพัฒนา สาธิต และส่งเสริมการเพาะเห็ดหอม ผักผลไม้ และกาแฟ ให้เป็นอาชีพเสริมแก่ราษฎร นอกเหนือจากการปลูกเมี่ยง ซึ่งผลผลิตของเกษตรกรนำรายได้มาสู่ครัวเรือน พึ่งตนเองได้ เกิดความเข้มแข็งในชุมชน คุณภาพชีวิตในด้านสังคม การศึกษาและการสาธารณสุข ดีขึ้น ที่สำคัญ“ผักและผลไม้สด”ของมูลนิธิโครงการหลวงได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยในระดับมาตรฐาน และยังส่งออกไปตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งปัจจัยความสำเร็จของมูลนิธิโครงการหลวงเกิดจากการมีศูนย์การรักษาพืชของมูลนิธิฯ และห้องปฏิบัติการตรวจสอบสารพิษตกค้างในผักและผลไม้สดที่มีคุณภาพ ซึ่งได้ช่วยตอกย้ำถึงความมั่นใจกับผู้บริโภคก่อนที่สินค้าจะจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด