3 สิ่งสำคัญที่แม่ลูกอ่อนควรรู้ก่อนเลี้ยงลูกน้อยด้วยนมแม่
12 มกราคม 2561

คุณแม่ทุกคนควรมีข้อควรรู้พื้นฐานซึ่งบางท่านอาจจะยังไม่ทราบ ก่อนให้นมลูก ดังนี้

1.นมแม่ถือเป็นสุดยอดอาหารที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับทารก ไม่ว่านมผงหรือนมชนิดใดก็ไม่สามารถเทียบเท่า โดยอุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ฮอร์โมนและสิ่งกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แม่ลูกอ่อนไม่ควรตกเป็นเหยื่อทางการตลาดเข้าใจผิดคิดว่าผลิตภัณฑ์นมผงดีกว่า หรือมีประโยชน์เท่ากับนมแม่  โดยในปัจจุบันมีพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาอาหารสําหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.2560 หรือที่เรียกว่า “พ.ร.บ.นมผง”  ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2560 เพื่อควบคุมไม่ให้ผู้ประกอบการส่งเสริมการขายในทางที่ผิด

2.แม่มือใหม่ควรมีความรู้เรื่องอาหารเสริมตามวัยที่เหมาะสมควบคู่กับการให้นม นมแม่สามารถให้แก่ลูก ได้เรื่อย ๆ จนน้ำนมแม่หมด แต่ต้องเสริมอาหารในวัยที่เหมาะสมเพื่อฝึกการกลืน การรับประทาน และเพิ่มสารอาหารให้แก่ลูก

- ทารกในช่วง 6 เดือนแรกนั้นให้นมแม่อย่างเดียวพอ ห้ามป้อนอาหารให้ลูกก่อน 6 เดือน เพราะทำให้ลูกน้อยเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ โดยอาจทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเกิดลำไส้อุดตัน ซึ่งในกรณีนี้เคยมีเด็กอายุเพียง 7 วันที่ถูกป้อนกล้วยแล้วเสียชีวิตเกิดขึ้นมาแล้ว 

- ทารก 6 เดือนขึ้นไป ควรมีอาหารเสริมที่เหมาะสมควบคู่กับนมแม่ อาจจะเริ่มจากอาหารบดพวกผัก ผลไม้ ไข่แดงหรือข้าวบด โดยควรเริ่มอาหารทีละอย่างและทีละน้อย ๆ ก่อน เพื่อสังเกตอาการต่าง ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการแพ้อาหาร

1. รู้จักสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหากให้นมบุตร เนื่องจากบางสิ่งที่เรารับประทานสามารถส่งผ่านทางน้ำนม รวมถึงมีผลต่อการสร้างน้ำนมได้ โดยมีดังนี้

- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ

- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

- หลีกเลี่ยงการใช้ยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะใช้ เพื่อ ป้องกันอันตราย หรือผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นและไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาเกินจริง อ้างว่าเพิ่มน้ำนม หรือลดความอ้วนหลังคลอดบุตร เนื่องจากอาจปลอมปนสารที่เสี่ยงอันตรายต่อทารกได้

           หากคุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกน้อยของตัวเองเจริญเติบโตเป็นเด็กที่แข็งแรงสมบรูณ์ ก็ควรจะหาข้อมูลการเลี้ยงดูลูกน้อยเพิ่มเติม เพราะยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรรู้

แท็กที่เกี่ยวข้อง
เพศศึกษา
อย.
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ยาคุมกำเนิด
การตั้งครรภ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
มะเร็งเต้านม
ถุงยางอนามัย