
สีที่ปกติของอุจจาระ มาจากน้ำดีที่เป็นน้ำย่อยอาหารจากตับและถุงน้ำดี นอกจากนั้นยังขึ้นกับสิ่งที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งหมายรวมถึงยาบางชนิดก็สามารถทำให้อุจจาระเปลี่ยนสีได้
ตัวอย่างยา
สีอุจจาระที่เปลี่ยน |
ตัวอย่างยา |
เปลี่ยนเป็นสีดำ |
- ธาตุเหล็ก (Ferous salts) - ยาลดกรด : อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium Hydroxide) , สารบิสมัท (Bismuth) - ผงถ่าน (Activated charcoal) - ยาขยายหลอดลม (Aminophylline) |
เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน |
- เมทิลีนบลู (methylene blue) ซึ่งเป็นสารสีน้ำเงินเติมในยาล้างไตผิดกฎหมาย |
เปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม |
- ยารักษาวัณโรคไรแฟมพิน (rifampin) |
เปลี่ยนเป็นสีขาว |
- ยาลดกรดอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium Hydroxide) |
ถึงอย่างไรก็ตามอุจจาระสีเปลี่ยนอาจจะบ่งบอกถึงภาวะผิดปกติที่เกิดจากโรค
- อุจจาระเป็นเลือดสด พบบ่อย จาก โรคริดสีดวงทวาร
- อุจจาระสีซีด ออกสีเทา เกิดจากภาวะไม่มีน้ำดีในอุจจาระ เช่น ตับอักเสบ ไวรัสตับอักเสบ และโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี
- อุจจาระสีดำ ลักษณะเปียกเหนียวและมีกลิ่นเหม็นรุนแรงผิดปกติ จะเกิดจากมีเลือดออกในทางเดินอาหารตอนบน (หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กตอนบน) อาการอื่นที่พบร่วมด้วย คือ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนและเบื่ออาหาร
โดยการรับประทานยาบางชนิดอาจจะทำให้มีผลข้างเคียงมีแผลในทางเดินอาหารได้ เช่น
o กลุ่มยาสเตียรอยด์
o กลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) : ไอบูโพรเฟน
o ยาต้านการแข็งตัวของเลือด : วาร์ฟาริน (Warfarin)
ทั้งนี้หากพบสีและลักษณะอุจจาระผิดปกติ แล้วไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นจากยา แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร