อุจจาระเปลี่ยนสีที่เกิดจากยา
22 พฤศจิกายน 2561

สีที่ปกติของอุจจาระ มาจากน้ำดีที่เป็นน้ำย่อยอาหารจากตับและถุงน้ำดี นอกจากนั้นยังขึ้นกับสิ่งที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งหมายรวมถึงยาบางชนิดก็สามารถทำให้อุจจาระเปลี่ยนสีได้

ตัวอย่างยา

สีอุจจาระที่เปลี่ยน

ตัวอย่างยา

เปลี่ยนเป็นสีดำ

-          ธาตุเหล็ก (Ferous salts)

-          ยาลดกรด : อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium Hydroxide) , สารบิสมัท (Bismuth)

-          ผงถ่าน (Activated charcoal)

-          ยาขยายหลอดลม (Aminophylline)

เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

-          เมทิลีนบลู (methylene blue) ซึ่งเป็นสารสีน้ำเงินเติมในยาล้างไตผิดกฎหมาย

เปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม

-          ยารักษาวัณโรคไรแฟมพิน (rifampin)

เปลี่ยนเป็นสีขาว

-          ยาลดกรดอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium Hydroxide)

ถึงอย่างไรก็ตามอุจจาระสีเปลี่ยนอาจจะบ่งบอกถึงภาวะผิดปกติที่เกิดจากโรค

-          อุจจาระเป็นเลือดสด พบบ่อย จาก โรคริดสีดวงทวาร

-          อุจจาระสีซีด ออกสีเทา เกิดจากภาวะไม่มีน้ำดีในอุจจาระ เช่น ตับอักเสบ ไวรัสตับอักเสบ และโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี

-          อุจจาระสีดำ ลักษณะเปียกเหนียวและมีกลิ่นเหม็นรุนแรงผิดปกติ จะเกิดจากมีเลือดออกในทางเดินอาหารตอนบน (หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กตอนบน) อาการอื่นที่พบร่วมด้วย คือ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนและเบื่ออาหาร

โดยการรับประทานยาบางชนิดอาจจะทำให้มีผลข้างเคียงมีแผลในทางเดินอาหารได้ เช่น

o   กลุ่มยาสเตียรอยด์

o   กลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) : ไอบูโพรเฟน

o   ยาต้านการแข็งตัวของเลือด : วาร์ฟาริน (Warfarin)

ทั้งนี้หากพบสีและลักษณะอุจจาระผิดปกติ แล้วไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นจากยา แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง
ยา
รักษาโรค
สุขภาพ
อย.
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
น้ำย่อยอาหาร
ถุงน้ำดี
อุจจาระ
ยา
ตับอักเสบ
ปวดท้อง
คลื่นไส้
สเตียรอยด์