
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย หลายคนมีอาการเป็นหวัด มีไข้ น้ำมูกไหล บางคนไปหาซื้อยาบรรเทาอาการหวัดมากินเองแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะว่าอาการที่เป็นอาจไม่ใช่อาการหวัดก็ได้ บางคนอาจเป็นโรคไซนัสอักเสบซึ่งอาการโรคนั้นใกล้เคียงกัน แล้วเราเป็นโรคอะไรกันแน่ วันนี้เรามีคำตอบ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโรคหวัดกันก่อน
โรคหวัด (Common Cold) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อ (ไวรัสเป็นส่วนใหญ่) บริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น อาการของไข้หวัดที่มักพบได้แก่
1. เจ็บคอ 2. น้ำมูกไหล 3. คัดจมูก
4. ไอ จาม 5. มีไข้ 6. ปวดศีรษะ
สามารถหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ จะรักษาตามอาการที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ เช่น
- หากมีไข้ จะแนะนำให้กินยาลดไข้ เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol)
- หากมีน้ำมูก คัดจมูก จะแนะนำให้กินยาลดน้ำมูก เช่น เซทิไรซีน (Cetirizine) และล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ
- หากมีอาการไอ จะแนะนำให้กินยาบรรเทาอาการไอ เช่น อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine)
- ในบางรายอาจต้องใช้ยาต้านจุลชีพ (Antibiotics) โดยการใช้ยาจะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือเภสัชกร เท่านั้น
โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) เป็นการอักเสบและการติดเชื้อของเยื่อบุจมูกและไซนัสจะมีอาการเหมือนโรคหวัดแต่อาการเด่นของโรคไซนัสที่มักพบได้แก่
1. คัดหรือแน่นจมูก 2. น้ำมูกไหลออกมาทางรูจมูกด้านหน้า หรือไหลลงคอ
3. มีอาการปวด แน่นกดเจ็บบริเวณใบหน้า เช่น หัวตา หน้าผาก โหนกแก้ม รอบกระบอกตา
4. หูอื้อ 5. ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
โดยมากการรักษาโรคไซนัสอักเสบ มักจะรักษาตามอาการเช่นเดียวกับการรักษาโรคหวัด แต่อาจใช้เวลาในการรักษาที่นานกว่าจะเห็นได้ว่าโรคหวัด และไซนัสอักเสบเป็นอาการที่มีลักษณะคล้ายกัน ดังนั้นหากมีความผิดปกติต่อร่างกายแนะนำให้ไปพบแพทย์ นอกจากนี้ต้องหมั่นดูและตนเอง เช่น ออกกำลังกาย นอนพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หรือหมั่นล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ