ท้องเสีย โรคฮิตของนักเดินทาง
25 กันยายน 2567

สิ่งที่ขาดไม่ได้เวลาออกไปท่องเที่ยวก็คือการได้ลิ้มรสอาหารจานเด็ดหรืออาหารประจำท้องถิ่นนั้น ๆ แต่จะทราบได้อย่างไรว่าอาหารนั้นสะอาดและไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ซึ่งจะทำให้เกิดอาการท้องเสียและหมดสนุกกับการเดินทางได้

ท้องเสีย หรืออุจจาระร่วง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิ ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ถ่ายอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำ ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปภายใน 24 ชม. โดยทั่วไปอาการท้องเสียมักเกิดขึ้นและอาจหายไปได้เองภายใน 2 - 3 วัน ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำจนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ตัวอย่างยาที่นิยมใช้สำหรับรักษาอาการท้องเสีย

1. ยาผงเกลือแร่ (ORS: Oral Rehydration Salt) เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ของร่างกาย
 
จากการท้องเสีย หรืออาเจียน

คำแนะนำการใช้ยา

-   ระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจและไต

-   ไม่ควรดื่มเกลือแร่สำหรับผู้ออกกำลังกายเพื่อรักษาอาการท้องเสีย เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียมากขึ้นจากส่วนประกอบที่มีน้ำตาลและแร่ธาตุบางชนิดที่สูงกว่า

-   ควรผสมผงเกลือแร่ ORS กับน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว

-   ผงเกลือแร่ ORS ที่ผสมน้ำแล้วควรใช้ภายใน 24 ชั่วโมง หากดื่มไม่หมดให้ทิ้ง

-   ค่อย ๆ จิบ ไม่ดื่มจนหมดในคราวเดียว เพราะอาจทำให้ลำไส้แปรปรวนและท้องเสียมากขึ้น


2. ยาถ่านคาร์บอน (Activated Charcoal) ที่จะเข้าไปช่วยดูดซับสารพิษและเชื้อโรคในลำไส้ก่อนจะขับออกมาพร้อมอุจจาระ

คำแนะนำการใช้ยา

-   ห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะลำไส้อุดตัน หรือมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร

-   ไม่สามารถใช้เป็นยาหยุดถ่ายได้ เนื่องจากยาไม่ได้มีผลฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย

-  กินยานี้ห่างจากยาอื่น ๆ อย่างน้อย 2 ชั่วโมง

-   ยาอาจทำให้อุจจาระสีดำได้


3. ยาโลเพอราไมด์ (Loperamide) ใช้รักษาท้องเสียชนิดเฉียบพลันในระยะสั้นและรักษาท้องเสียในผู้ที่มีภาวะลำไส้แปรปรวน

คำแนะนำการใช้ยา

-  ห้ามกินยานี้ในกรณีที่ถ่ายเป็นมูกเลือดและมีไข้สูง

-  ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนกินยานี้

-  ห้ามกินเกิน 6 เม็ดต่อวัน และห้ามกินติดต่อกันเกิน 2 วัน

 

4. ยาปฏิชีวนะ เช่น ยานอร์ฟล็อกซาซิน (Norfloxacin) ยาซิโพรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin) เป็นต้น
 
ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียของลำไส้ใหญ่ ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะมารับประทานเอง

คำแนะนำการใช้ยา

-  ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามากินเองเด็ดขาด

-  ต้องกินให้ครบตามกำหนด ถึงแม้ว่าอาการป่วยจะดีขึ้นแล้วก็ยังคงต้องกินต่อเนื่อง

หากมีอาการท้องเสียรุนแรง เช่น อุจจาระมีมูกปน มีกลิ่นเหม็นผิดปกติคล้ายกุ้งเน่า คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง  มีไข้สูงเกินกว่า 38.5 องศาเซลเซียส อ่อนเพลียมาก หรือมีอาการนานกว่า 48 ชั่วโมง และผู้ที่มี
 
โรคประจำตัว รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และผู้สูงอายุ  ต้องรีบมาพบแพทย์ทันที ไม่ควรรักษาเอง เพราะอาการอาจรุนแรงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



ข้อมูลอ้างอิง

ท้องร่วง ท้องเสีย ดูแลตัวเองอย่างไร (คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

ดูแลเบื้องต้นเมื่อท้องเสีย (คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล)

ท้องเสีย ซ่อมได้ ไม่ยาก (คณะเภสัชศาสตร์

ท้องเสีย จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะหรือไม่ (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)



คลังรูปภาพ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
FDAknowledge
GDA
oryor
การเลือกซื้อ
การรักษา
ผลิตภัณฑ์ยา
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ยา
อย.
สาระความรู้
ท้องเสีย
ยาแก้ท้องเสีย
แก้ท้องเสีย
อาการท้องเสีย
อุจจาระร่วง
ขับถ่ายอุจจาระ
ถ่ายอุจจาระเหลว