รู้ครบจบในตอนเดียว ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
7 พฤศจิกายน 2557

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด

 

          ก่อนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดนั้น เราควรทำความเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่เรามักพบเห็นเป็นประจำในผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดนั้นคืออะไร ซึ่งโดยทั่วไปรังสี UV มี 2 ประเภทคือ UVA จะทำให้ผิวคล้ำ เป็นฝ้า กระ เหี่ยวย่น ส่วนรังสี UVB ทำให้ผิวแดงไหม้ พอง มีอาการปวดแสบปวดร้อน ผิวคล้ำ ทั้งยังทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย และถ้าได้รับรังสี UVB เป็นเวลานานอาจทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้

          PA (Protection Grade of UVA) คือ ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVA โดยแบ่งย่อยเป็น 3 ระดับคือ

  • PA+  หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ 2-4 เท่า
  • PA++  หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่า
  • PA+++  หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ มากกว่า 8 เท่า

SPF  (Sun Protection Factor) คือ ค่าแสดงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB เช่น

  • SPF15  สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93%
  • SPF30  สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 97%
  • SPF50  สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 98%
  •  

ดังนั้นการเลือกครีมกันแดด ควรเลือกที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ที่มีค่า SPF และ PA ที่สูงอย่างเหมาะสม ซึ่งโดยผิวของคนเอเชียเลือกใช้ SPF 30-40 ก็เพียงพอ

          ฝากไว้อีกนิดกับสิ่งที่ต้องคำนึงถึงควบคู่กันไปก็คือ ปริมาณของเครื่องสำอางที่ใช้ทาผิวเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพตามที่ระบุในฉลาก หรือโฆษณานั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าต้องใช้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อพื้นที่ผิว 1 ตารางเซนติเมตร ซึ่งประมาณเท่ากับ 1 ช้อนชาหรือ 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับทาหน้าและคอ โดยอาจแบ่งทาอย่างทั่วถึง สม่ำเสมอ 2 รอบ รอบละประมาณครึ่งช้อนชา หรือหนึ่งข้อนิ้วมือ และเพื่อให้ได้ผลควรทาก่อนออกสู่แสงแดดอย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อให้เครื่องสำอางยึดติดกับผิวหนัง และควรจะทาซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างต่อเนื่อง

 

คลังรูปภาพ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
เครื่องสำอาง
ความงาม
อย.
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ป้องกันแดด
รังสี UV
มะเร็งผิวหนัง