อย. รวมพลแกนนำ อย.น้อย ภาคกลาง ร่วมพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียน ลดความเสี่ยงโรค NCDs
24 เมษายน 2560

          อย. เดินหน้าพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียน ผ่านโครงการ อย. น้อย จัดอบรมเครือข่ายแกนนำทั้งครู และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เขตภาคกลาง เพื่อนำรูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารมาอบรมให้กลุ่มครูแกนนำรับทราบ และนำไปสานต่อในโรงเรียน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) หวังให้นักเรียน อย. น้อย และชุมชนมีพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เหมาะสมปลอดภัย

          ภก. สมชาย ปรีชาทวีกิจ ปฏิบัติหน้าที่รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่าในปัจจุบันปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวานและโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก เนื่องจากประชาชนออกกำลังกายน้อยลง รับประทานแต่อาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน ตามมาด้วยภาวะไขมันผิดปกติ น้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูง หากยังมีการดำเนินชีวิตแบบเดิม ก็จะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ หลอดเลือดสมองและมะเร็งตามมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความห่วงใยสุขภาพของประชาชน   จึงได้เร่งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความรู้แก่ประชาชนทุกกลุ่มวัย ทั้งนี้ เยาวชนเป็นกลุ่มวัยที่มีความสำคัญที่ควรมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดี เพื่อเป็นรากฐาน     อันแข็งแกร่งของประเทศชาติ อย. จึงได้ดำเนินโครงการ อย. น้อย เพื่อรณรงค์ให้เกิดความปลอดภัยในการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพในโรงเรียน โดยได้มีการรณรงค์ต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2546 สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ.2560 อย. ได้มุ่งเน้นการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสมให้แก่นักเรียน อย. น้อย  เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค NCDs โดยการนำรูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมาอบรมครู อย. น้อย เพื่อนำไปสอนให้นักเรียนมีความรู้และมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสม การจัดอบรมนี้แบ่งออกเป็น 4 ครั้ง ใน 4 ภาค โดยในพื้นที่ภาคกลาง จัดอบรมระหว่างวันที่ 20-21 เมษายน 2560 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร มีจำนวนผู้เข้าอบรม ประมาณ 270 คน

          รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การอบรมครั้งนี้ อย. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โรงเรียน อย. น้อย จะสามารถนำรูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารไปใช้ในโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ และมีพฤติกรรมในการเลือกบริโภคอาหารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีต่อไป 

แท็กที่เกี่ยวข้อง