
คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ พ.ศ. 2562-2565 ภายใต้แผนแม่บทการจัดการสารเคมี พ.ศ. 2562-2580 รวม 13 แผนงาน 250 โครงการ จาก 55 หน่วยงาน มุ่งเป้าจัดการสารเคมี สู่เป้าหมาย ประชาชนปลอดภัย สิ่งแวดล้อมสะอาด ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล
วันนี้ (31 มกราคม 2562) ณ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ได้ประชุมคณะกรรมการฯครั้งที่ 1/2562 โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่เลขานุการฯ และ ผู้ช่วยเลขานุการฯ จาก 3หน่วยงาน ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมควบคุมมลพิษ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เสนอความก้าวหน้าและการขับเคลื่อนแผนแม่บทการจัดการสารเคมี พ.ศ. 2562-2580 ภายใต้ 5 ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามตรวจสอบและบริหารจัดการสารเคมี การพัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การประเมินความเสี่ยงและกำหนดมาตรฐาน การสร้างความตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตและการบริโภค การลดความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมีอย่างครบวงจร การวิจัยพัฒนาสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อทดแทนการใช้สารเคมี โดยในระยะต้นของแผนแม่บทภายใต้แผนปฏิบัติการ พ.ศ. 2562 – 2565 มีทั้งสิ้น 13 กลุ่มแผนงาน จาก 55 หน่วยงาน งบประมาณ 4.5 พันล้านบาท โดยมี 5 โครงการขับเคลื่อนสำคัญ งบประมาณ 230 ล้านบาท ได้แก่ การพัฒนากฎหมายด้านสารเคมี ศูนย์กลางข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตรายแห่งชาติ การบูรณาการเพื่อเฝ้าระวังและติดตามผลกระทบจากการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร ที่มีต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม การบูรณาการเพื่อกำหนดค่ามาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีให้ครอบคลุมและเหมาะสมตามบริบทของไทย การสร้างและจัดการองค์ความรู้เพื่อการจัดการสารเคมีแบบครบวงจร
ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 หน่วยงานมีความคืบหน้าในการดำเนินงานชัดเจน โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนสำคัญ เช่น การพัฒนากฎหมายสารเคมี ซึ่งขณะนี้ได้(ร่าง)พ.ร.บ.สารเคมีแล้ว โครงการศูนย์กลางข้อมูลสารเคมีและวัตถุอันตรายได้มีคณะทำงาน เพื่อพัฒนาฐานกลางการเชื่อมโยงข้อมูลโครงการบูรณาการเพื่อกำหนดค่ามาตรฐานสารเคมีฯ ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดประเด็นสารเคมีและขอบเขตการทำงานตั้งแต่แหล่งกำเนิดจนถึงผู้รับสาร เป็นต้น
ทั้งนี้ การจัดการสารเคมีได้รับการพิจารณาไว้เป็นส่วนหนึ่งใน 15 ประเด็นเร่งด่วนของยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี ดังนั้น เพื่อขับเคลื่อนแผนจัดการสารเคมีให้ก้าวหน้าอย่างเต็มที่ นอกเหนือจากการกำกับขับเคลื่อนงานโดยคณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการประสานนโยบายและแผนและอนุกรรมการพัฒนากฎหมายสารเคมี ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการฯ แล้วนั้น คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการวิชาการ ขึ้นมาอีกคณะหนึ่งเพื่อกำกับดูแล จัดทำข้อเสนอทางวิชาการที่เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัย การวิจัย นวัตกรรม ที่เกี่ยวกับการจัดการสารเคมี
ที่ประชุมคณะกรรมการฯได้รับทราบความก้าวหน้าตามแผน ทั้งนี้ ขอให้เร่งรัดดำเนินการให้เห็นผลสำเร็จโดยเร็วเนื่องจากมีความคืบหน้ามากแล้ว และงบประมาณดำเนินการในปี 2563-2565 หน่วยงานต้องให้ความสำคัญในเรื่องทีอยู่ในกรอบแผนปฏิบัติการนี้ เพราะโครงการขับเคลื่อนสำคัญ ต้องได้รับงบประมาณอย่างเพียงพอในการบรรลุความสำเร็จ เช่น (ร่าง) พ.ร.บ.สารเคมี พ.ศ. ...รวมทั้งโครงการขับเคลื่อนสำคัญอื่น เรื่องศูนย์กลางข้อมูลสารเคมี เรื่องการวิจัยสร้างนวัตกรรมองค์ความรู้การจัดการสารเคมีให้ครบวงจร เพราะการขับเคลื่อนประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้องสมดุลทั้ง 3 ด้าน คือ เติบโตทางเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตที่ดี ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด