
อย. เดินหน้าบูรณาความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงขับเคลื่อนการดำเนินงาน ยกระดับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศไทย ให้มีความพร้อมและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพ ปลอดภัย อย่างทั่วถึงและยั่งยืน
วันนี้ (16 ธันวาคม 2562) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปเยี่ยมสำนักงานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อรับฟังปัญหาและพัฒนาแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยผ่านอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ ณ ห้องประชุมมงคลสุธี ชั้น 8 สำนักงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกันระหว่างรัฐ และเอกชน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือว่า ความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง และสมุนไพร โดยจะมีการปรับบทบาทจากการให้บริการทางการแพทย์อย่างเดียวไปสู่การสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้เติบโต และภาคเอกชนสามารถนำเครื่องมือต่างๆของกระทรวงสาธารณสุขไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข และ อย. จะปรับปรุงการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุมัติ อนุญาตให้รวดเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมของประเทศ และนโยบาย Made In Thailand ที่จะมุ่งให้เกิดการสร้างค่านิยมในการใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีความสามารถที่จะผลิตสินค้าได้ทุกชนิด มีคุณภาพที่ดี ราคาไม่สูงมากนักที่ผ่านมาได้มีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แล้ว อาทิ การจัดเก็บค่าธรรมเนียม รวมทั้ง อย. จะปรับปรุงการทำงานให้มีความรวดเร็ว หากผู้ประกอบการได้รับการรับรองจากหน่วยงานชั้นนำจากต่างประเทศก็จะผ่านขั้นตอนได้อย่างรวดเร็ว
นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวต่อไปว่า อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและภาคอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับศักยภาพการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันทั้งในตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ซึ่งในวันนี้ อย. ในฐานะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักด้านการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย และคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้าง ความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่จะผลักดันอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการภาคเอกชนในการประสานนโยบาย ดำเนินงานระหว่างเอกชนกับรัฐ ส่งเสริมและพัฒนาการประกอบอุตสาหกรรม ได้เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตและความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจของสมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ จึงได้ร่วมมือกับภาครัฐเพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศไทยมีความพร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดโอกาสให้ประชาชนสามาถเข้าถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีความปลอดภัย และมีคุณภาพเทียบเท่าสินค้าระดับสากล
สำหรับขอบเขตความร่วมมือในครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมายให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพเกิดความสะดวก รวดเร็ว มีขั้นตอนที่กระชับและจำเป็น เพียงพอต่อการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมส่งเสริมและสนับสนุนระบบ Digital Transformation ในการตรวจสอบข้อมูลสินค้า การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability system) ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังร่วมสนับสนุนการศึกษา วิจัยการพัฒนาต่อยอดผลการวิจัย และการสร้างนวัตกรรมภายในประเทศ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมหรือใช้เทคโนโลยีใหม่ในการผลิต และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งพัฒนาบุคลากรเพื่อให้คำปรึกษา แนะนำ และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย
นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า หลังจากพิธีลงนามในวันนี้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการร่วม เพื่อผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศไทยพัฒนาศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันเกิดความเข้มแข็ง และเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยทุกระดับให้มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพทัดเทียมระดับสากล มีความปลอดภัย สมประโยชน์ อย่างทั่วถึงและยั่งยืน