สธ. จับมือหลายภาคส่วน เดินหน้าเร่งแก้วิกฤติเชื้อดื้อยา ขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การดื้อยาต้านจุลชีพฯ หวังบรรลุผลปี 64
21 กุมภาพันธ์. 2563

           สธ. จับมือเครือข่ายทั้งภาครัฐและประชาสังคม เร่งเดินหน้าแก้วิกฤตเชื้อดื้อยาให้เกิดผลยั่งยืน เน้นการใช้กฎหมายพร้อมให้ความรู้ คาดปี 2564 การป่วยจากเชื้อดื้อยาในไทยจะลดลง ประชาชนมีความรู้และตระหนักในการใช้ยาอย่างเหมาะสม ประเทศไทยมีระบบจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพในระดับสากล

           วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2563) ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร ดร. สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมระดับชาติว่าด้วยการดื้อยาต้านจุลชีพ ครั้งที่ 2 โดยได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial Resistance: AMR) เป็นวิกฤติร่วมของทุกประเทศทั่วโลก ในประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยาประมาณปีละกว่า 30,000 คน ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจถึงปีละ 46,000 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นโดยท่านนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยการประชุมระดับสูงของสมัชชาสหประชาชาติ เรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพและการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับโลกว่าด้วยการดื้อยาต้านจุลชีพ  อีกทั้งท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาให้เกิดผลอย่างยั่งยืน โดยกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาควิชาการ สมาคมและองค์กรวิชาชีพ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ได้ร่วมกันขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ภายใต้การอำนวยการของ “คณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ” เพื่อแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาของประเทศ

           การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ฯ ที่ผ่านมาเกิดผลสำเร็จในหลายด้าน โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านสุขภาพในการแก้ปัญหาเชื้อดื้อยา ซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานและสามารถช่วยชีวิตประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดื้อยาต้านจุลชีพได้เป็นอย่างดี มีการพัฒนาระบบติดตามการใช้ยาต้านจุลชีพของประเทศไทยทั้งในคนและสัตว์ มีการดำเนินงานแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาลที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข และกำลังจะขยายต่อไปยังโรงพยาบาลรัฐสังกัดอื่น ๆ และโรงพยาบาลเอกชน ในฝั่งภาคการเกษตร มีทั้งการลดใช้ยาต้านจุลชีพที่ไม่จำเป็นและไม่ใช้ยาต้านจุลชีพในการเลี้ยงสัตว์เพื่อการบริโภคเพื่อให้เป็นทางเลือกต่อประชาชน ทั้งนี้ ในการร่วมดำเนินงานของทุกภาคส่วนมุ่งให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายพร้อมให้ความรู้แก่ประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาเชื้อดื้อยา และเมื่อสิ้นสุดแผนยุทธศาสตร์ในปี 2564 คาดว่าการป่วยจากเชื้อดื้อยาจะลดลงถึงร้อยละ 50 การใช้ยาต้านจุลชีพในคนและสัตว์จะลดลงร้องละ 20 และ 30 ตามลำดับ รวมทั้งประชาชนมีความรู้เรื่องเชื้อดื้อยา ตระหนักในการใช้ยาอย่างเหมาะสมเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และประเทศไทยมีระบบจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพในระดับสากล

           ทางด้าน นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการประชุมระดับชาติว่าด้วยการดื้อยาต้านจุลชีพในครั้งนี้ เป็นการร่วมจัดโดยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม WHO FAO และ OIE รวมทั้งองค์กรและเครือข่ายในและต่างประเทศรวมกว่า 30 แห่ง โดยได้มีการนำเสนอ Roadmap ปี 2563-2564 ของการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ฯ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของการทำงานในภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาของประเทศไทยบรรลุเป้าประสงค์ ซึ่งผลการประชุมครั้งนี้จะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ที่มีการประชุมในเดือนเมษายน 2563 ต่อไป

คลังรูปภาพ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
ยา
การจัดการการดื้อยา
การดื้อยา
ดื้อยา
เชื้อดื้อยา
การดื้อยาต้านจุลชีพ
ดื้อยาต้านจุลชีพ
ยาปฎิชีวนะ
ยาปฏิชีวนะ
นพ. ไพศาล ดั่นคุ้ม
ดร. สาธิต ปิตุเตชะ