
จากกระแสข่าวแชร์เรื่องชาใส่สี
อย. เผยชามีหลายประเภท บางประเภทอนุญาตให้ใส่สีผสมอาหารได้ในปริมาณไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล แนะผู้บริโภคอ่านฉลากก่อนซื้อหากซื้อชาปรุงสำเร็จตามร้านให้ยึดหลักเลือกที่มีสีอ่อนตามธรรมชาติ
นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการที่มีกระแสข่าวแชร์ทางออนไลน์เกี่ยวกับชาใส่สี yellow
no 6 หรือสี sunset
yellow สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ขอชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ว่า ผลิตภัณฑ์ชามีหลายประเภท ได้แก่ชาใบ ชาผงสำเร็จรูป และชาปรุงสำเร็จ
ซึ่งส่วนใหญ่ชาที่มีการใส่สี จะเป็นประเภทชาปรุงสำเร็จ
ที่มีการปรุงแต่งสีกลิ่นรส
ตามกฎหมายจะอนุญาตให้ใส่สี yellow
no 6 หรือสี sunset
yellow ได้ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ในสภาพพร้อมบริโภค ซึ่งสอดคล้องตามมาตรฐานสากล โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ถือว่าสีดังกล่าวยังปลอดภัยสำหรับการใช้ในอาหารตามขีดจำกัดที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม
ควรมีการควบคุมการใช้และการบริโภคอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการใช้ในปริมาณที่เกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้
สำหรับความเกี่ยวข้องกับภาวะสมาธิสั้นในเด็ก จากผลการศึกษาวิจัยยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่ระบุได้ว่าสีผสมอาหารสังเคราะห์เป็นสาเหตุทำให้เกิดสมาธิสั้นในเด็ก
ทั้งนี้ การเลือกซื้อชาในภาชนะบรรจุมารับประทาน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต
สังเกตบนฉลากต้องมีเลข อย. ชื่อที่ตั้งของผู้ผลิตหรือนำเข้า
มีการแสดงส่วนประกอบของชา หากต้องการดื่มชาที่มีสีและกลิ่นตามธรรมชาติของชานั้น
ให้เลือกใบชาหรือผงชาเป็นส่วนประกอบหลักโดยในส่วนประกอบที่แสดงบนฉลากจะไม่มีสีและน้ำตาล
แต่หากต้องการดื่มชาปรุงสำเร็จที่มีการแต่งสี และปรุงรส เช่น เติมน้ำตาล
บนฉลากจะมีการแสดงคำว่า “สีสังเคราะห์ หรือสีธรรมชาติ (INS…หรือ ชื่อของสี) เช่น สี INS110 หรือ สี Sunset yellow
นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์
เลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการดื่มชาผู้บริโภคควรสังเกตสีเมื่อชงพร้อมดื่มแล้ว จะต้องมีสีตามธรรมชาติ ไม่เข้มฉูดฉาด
ส่วนการซื้อเครื่องดื่มชาตามร้านค้าหรือคาเฟ่ ควรเลือกซื้อเครื่องดื่มชาสีอ่อน
ไม่เข้มฉูดฉาดเช่นเดียวกัน
และไม่ควรดื่มวันละหลาย ๆ แก้ว ควรเลือกดื่มเครื่องดื่มให้หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับสีผสมอาหารชนิดเดิมซ้ำ
ๆ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ