อย. เผยผลตรวจชาในภาชนะบรรจุในปี 68
จำนวน 35 ตัวอย่าง ผ่าน 32 ตัวอย่าง ไม่ผ่าน 3 ตัวอย่าง พร้อมกำชับการใช้สีสังเคราะห์ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
มีการตรวจสอบเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์สุขภาพที่จำหน่ายในท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัย โดยเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ชา จำนวน 35 ตัวอย่าง
ส่งตรวจวิเคราะห์ หาสีสังเคราะห์ พบผลผ่าน
32 ตัวอย่าง และไม่ผ่าน 3 ตัวอย่าง
และกรณีไม่ผ่าน อย. ได้ดำเนินการตามกฎหมายและมีการตรวจเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การใช้สีสังเคราะห์ในผลิตภัณฑ์ประเภทชา
ต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 444) พ.ศ. 2566
ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ หรือโคเด็กซ์ (Codex) โดยมีการกำหนดค่าปริมาณที่สามารถบริโภคได้ตามปกติในแต่ละวันตลอดชีวิต
โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคดื่มชาต่อวันในปริมาณที่มากเกินไป และต่อเนื่องเป็นเวลานาน
อาจมีความเสี่ยงได้รับอันตรายจากสีสังเคราะห์สะสมในระยะยาว
ซึ่งโดยปกติร่างกายจะต้องกำจัดสารเหล่านี้ผ่านอวัยวะสำคัญผ่านตับและไต
แต่ผู้ที่มีความไวต่อสีหรือสารเคมีอาจแสดงอาการได้ทันที เช่น ผื่นคัน คลื่นไส้
อาเจียน ได้ จึงขอให้ผู้บริโภค
เลือกซื้อเลือกบริโภคอย่างใส่ใจ
กรณีผลิตภัณฑ์ชาในภาชนะบรรจุ ให้สังเกตส่วนประกอบสำคัญบนฉลากก่อนซื้อ หากมีส่วนผสมของสี บนฉลากจะระบุ
วัตถุเจือปนอาหารตามด้วย เลข INS เช่น INS 110 , INS 112 หรือ INS 124
เป็นต้น และให้สังเกตสีของชาที่ชงแล้วไม่เข้มเกินไป เลือกรสหวานน้อย หรือไม่หวาน โดยส่วนประกอบสำคัญจะระบุปริมาณน้ำตาล ส่วนกรณีชาชงสำเร็จที่ขายตามร้านค้าโดยทั่วไปให้สังเกตสีของชาที่ชงแล้วไม่เข้มเกินไป เลือกรสหวานน้อย
หรือไม่หวานเช่นเดียวกัน เพื่อลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือโรค NCDs ทั้งนี้ไม่ควรบริโภคชามีสีเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
เพื่อลดความเสี่ยงจากการสะสม
และยึดหลักง่าย ๆ ว่า “ไม่ใส่สี ก็อร่อย และให้ดี อย่าหวาน ลด NCDs” เพื่อสุขภาพดีอย่างยั่งยืนรองเลขาธิการฯ กล่าวในที่สุด