อย. พัฒนาสมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ส่งเสริมการส่งออก นำรายได้เข้าประเทศ ผู้บริโภคปลอดภัย
20 พฤศจิกายน 2558

     อย. เผย งานวิจัยสมุนไพรตามโครงการวิจัยและพัฒนาสารสกัด และ/หรือ น้ำมันหอมระเหย จากสมุนไพรที่ใช้ในเครื่องสำอาง พัฒนาเครื่องสำอางให้มีมูลค่าสูง ส่งเสริมการส่งออก และเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ หวังให้ผู้บริโภคได้รับเครื่องสำอางที่มีคุณภาพและปลอดภัย

     วันนี้ (วันที่ 19 พฤศจิกายน 2558) ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 1 ตึก อย.  นพ.บุญชัย  สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับ โครงการพัฒนาสมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ว่า สืบเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาสมุนไพรไทยและผลิตภัณฑ์สุขภาพว่า “ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสมุนไพรไทยและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้มาตรฐานสากล (Thailand is the world class of Herbs)” ประกอบกับการที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ในปลายปี พ.ศ.2558 หรือต้นปี พ.ศ.2559 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อบูรณาการการทำงานและเสริมสร้างศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทยให้มากขึ้นและเทียบเท่าสากล โดยการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและการพัฒนาเครื่องสำอางผสมสมุนไพรของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพตามมาตรฐานสากล เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศไทยให้เป็น

ศูนย์กลางผลิตภัณฑ์สุขภาพนานาชาติ อีกทั้งเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันและลดอุปสรรคต่อข้อจำกัดต่างๆ หลายประการในการพัฒนาดังกล่าวข้างต้น อาทิ คุณภาพวัตถุดิบ การตรวจวิเคราะห์การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ทั้งด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์และมาตรฐานการผลิตรวมทั้งการส่งเสริมตรา/ สัญลักษณ์ความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า อย. จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและ ส่งเสริมการพัฒนาเครื่องสำอาง เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์สุขภาพนานาชาติ ในระดับมาตรฐานสากลสำหรับตลาดส่งออก สำหรับวัตถุประสงค์ของการแถลงข่าวในวันนี้  เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรในเครื่องสำอางให้ประชาชนรับทราบและภาคอุตสาหกรรมสามารถนำไปใช้ประโยชน์และปฏิบัติได้จริงต่อไป ผลงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์  ได้แก่

  1. การบูรณาการตั้งแต่การสกัดสารสำคัญจากสมุนไพร การศึกษาฤทธิ์ทางเครื่องสำอางการพัฒนาสูตร การทดสอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องสำอาง การตรวจวิเคราะห์ วิธีการสกัดสารสำคัญ การตั้งสูตรตำรับ และตัวอย่างการผลิตเครื่องสำอางผสมสมุนไพร จาก มะหาด มะรุม มะขาม มะพร้าว และทับทิม โดย มหาวิทยาลัยนเรศวร
  2. การพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์สมุนไพร 11 ชนิด ได้แก่ กวาวเครือขาว บัวบก กระชายดำ ไพล ขมิ้นชัน ว่านหางจระเข้ แตงกวา มะกรูด หม่อน ชาเขียว องุ่น (เมล็ด)  เพื่อเป็นข้อมูลในการถ่ายทอดการตรวจสอบสู่หน่วยวิเคราะห์ในระดับท้องถิ่นต่อไป  โดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
  3. การจัดทำฐานข้อมูลสมุนไพรต่างๆ ที่สามารถใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิต เครื่องสำอาง จำนวน 100 ชนิด เช่น ชื่อต่างๆ ของสมุนไพร ภาพของสมุนไพร ประโยชน์สมุนไพร สารสำคัญที่พบในสมุนไพร วิธีตรวจวิเคราะห์  เป็นต้น โดย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  4. คู่มือการผลิตเครื่องสำอางชุมชน ซึ่งจะมีเนื้อหาทั้งด้านกฎหมาย สูตรเบื้องต้นในการผลิตเครื่องสำอางประเภท สบู่ แชมพู conditioner วิธีการผลิตที่ดีของเครื่องสำอาง โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
  5. การพัฒนายกระดับแบรนด์เครื่องสำอางผสมสมุนไพรไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการ

อาหารและยา และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในรูปคณะทำงาน

  • การปรับปรุงกฎหมายและหลักเกณฑ์ต่างๆให้สอดคล้องกับสากล
  • การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์และมาตรฐานการผลิต และการส่งเสริมตรา/สัญลักษณ์ความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ (จัดทำเกณฑ์การคัดเลือกเครื่องสำอางผสมสมุนไพร/ สร้างแบรนด์ชูเอกลักษณ์สมุนไพรไทย)
  1. กิจกรรมเพื่อพัฒนาการลงทุน การตลาดและการโฆษณาเครื่องสำอาง โดยมหาวิทยาลัย

หอการค้าไทย

     เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า การดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และจะช่วยส่งเสริมการส่งออก อันจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งจะช่วยคุ้มครองให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง