
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินหน้า เร่งแก้ไขวิกฤติการณ์ปัญหาเชื้อดื้อยา โดยทำงานกับหลายภาคส่วนแบบบูรณาการ สอดคล้องกับมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ จัดทำแผนยุทธศาสตร์และผลักดัน เชื้อดื้อยาเป็นวาระแห่งชาติ หยุดยั้งปัญหาเชื้อดื้อยาที่ลุกลามรุนแรงอย่างรวดเร็ว
นายแพทย์วิศิษฎ์ ตั้งนภากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ประธานคณะกรรมการประสาน และ บูรณาการงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทยนับได้ว่ามีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยาปฏิชีวนะ เพิ่มมากขึ้นขณะที่จำนวนยาปฏิชีวนะชนิดใหม่กลับลดลง ทำให้ทางเลือกในการรักษาลดลง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อดื้อยาในแต่ละปีเป็นจำนวนหลายหมื่นคน สาเหตุเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินความจำเป็นส่งผลให้เกิดเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยา นอกจากนี้การคมนาคมระหว่างประเทศมีความรวดเร็วขึ้น การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ รวมทั้งรูปแบบการทำการเกษตรที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สถานการณ์เชื้อดื้อยาส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งต่อสุขภาพคน สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เพื่อเป็นการจัดการกับปัญหา เชื้อดื้อยาของประเทศไทยอย่างเป็นระบบ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภาคการศึกษาและวิชาการ สมาคมวิชาชีพ และภาคประชาสังคมได้ดำเนินการร่วมกันภายใต้คณะกรรมการประสานและบูรณาการงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพ เพื่อจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทย โดยมีการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างดังกล่าว ไปเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2559
ทั้งนี้ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ ครอบคลุมองค์ประกอบ 6 ด้าน คือ 1. การเฝ้าระวังการดื้อยา ต้านจุลชีพภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว 2. การควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพในภาพรวมของประเทศ 3. การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาลและการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม 4. การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาและการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและสัตว์เลี้ยง 5. การสร้างความตระหนักรู้เรื่องเชื้อดื้อยาและยาต้านจุลชีพแก่ประชาชน 6. การบริหารและกลไกระดับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างยั่งยืน ซึ่งร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการการทำงานอย่างเป็นระบบ ทั้งจากระดับบนลงล่างในส่วนของหน่วยงานกำกับดูแลและขับเคลื่อนนโยบาย และจากระดับล่างขึ้นบนในส่วนพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยผ่านมติกลไกสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 8 โดยการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะสำเร็จได้ต้องอาศัย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การนำความรู้มาใช้ในการแก้ไขปัญหา การเคลื่อนไหวทางสังคม และ ด้านการเมืองหรืออำนาจรัฐเพื่อสนับสนุน ด้านนโยบายและทรัพยากรไปสู่การดำเนินงานให้ประสบผลสำเร็จ
รองปลัดกระทรวง ฯ กล่าวในตอนท้ายว่า แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวคาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ และจะมีการผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ และนำไปสู่การรวมพลังทางสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยาอย่างยั่งยืนต่อไป