ยาแก้แพ้มีกี่ชนิด และมีสรรพคุณเหมือนกันหรือไม่ ?
28 ธันวาคม 2559

ยาแก้แพ้ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามผลข้างเคียง ได้แก่

1.ชนิดที่ทำให้ง่วง(ยาแก้แพ้รุ่นเดิม) ใช้รักษาอาการเยื่อจมูกอักเสบเนื่องจากภูมิแพ้ ที่มีอาการคัน, จาม, น้ำมูกไหล ผื่นลมพิษ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อาการคันผื่นขึ้นเนื่องจากแมลงกัดต่อย สัมผัสพืชพิษ หรือสัมผัสสารเคมีบางอย่าง นอกจากนี้ยังสามารถบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือได้  ยานี้มีผลข้างเคียงทำให้ง่วงจึงบรรเทาอาการนอนไม่หลับได้ชั่วคราว ข้อควรระวังในการใช้ยากลุ่มนี้ มีหลายข้อ เช่น

1.ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันนาน ๆ

2.ไม่ควรใช้ในผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องจักร ขับรถ

3.ห้ามใช้ร่วมกับยากล่อมประสาท ยานอนหลับ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

4.ระวังการใช้ในเด็กเล็ก โดยเฉพาะที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

5.หญิงมีครรภ์ที่ต้องการใช้ยาควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง

6.ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้

2.ชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงนอน(ยาแก้แพ้รุ่นใหม่) ยากลุ่มนี้สามารถใช้รักษาอาการต่าง ๆ ได้คล้ายกับยากลุ่มดั้งเดิม ให้ผลดีกว่าในการลดผื่นลมพิษแบบเฉียบพลัน และลดอาการคันได้เร็วกว่ายาอื่นในกลุ่มเดียวกัน แต่อาจให้ผลบรรเทาอาการน้ำมูกไหล อาการเมารถ เมาเรือได้ไม่ดีเท่ากลุ่มดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอาการแพ้ สิ่งที่สำคัญที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือสังเกตว่าสิ่งใดที่ทำให้แพ้ และหลีกเลี่ยงเมื่อต้องเจอตัวการที่ทำให้แพ้ เลือกใช้ยาแก้แพ้อย่างถูกต้อง หมั่นออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และถ้าต้องการจะใช้ยาเพื่อที่ต้องการจะให้นอนหลับนั้น แต่ในทางที่ถูกต้องนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อต้องการใช้ยาจะเป็นการดีที่สุด

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง
ยา
รักษาโรค
สุขภาพ
อย.
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ยาเขียว
ยาพาราเซตามอล
บัญชียาหลักแห่งชาติ
อีสุกอีใส
ลดไข้
ไข้เลือดออก
พิษต่อตับ