“รังแค” คือการหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังบนศีรษะชั้นนอกสุด ซึ่งการสะสมของรังแคจะไปอุดรูขุมขนของเส้นผมทำให้ต่อมไขมันที่รากผมไม่สามารถระบายน้ำมันออกมาได้ตามปกติ จึงทำให้หนังศีรษะแห้งและยิ่งคันมากขึ้น จนเกิดปัญหารังแคเรื้อรังตามมา ซึ่งส่งผลให้หนังศีรษะอักเสบ และมีเชื้อราเจริญเติบโตบนหนังศีรษะ และอาจรุนแรงมากจนหนังศีรษะมีอาการแดง และมีรังแคเป็นเกร็ดใหญ่และมีสีเหลือง อย่างไรก็ตาม การเกิดรังแคยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่จะพบปริมาณเชื้อราบางประเภทมากกว่าปกติ ดังนั้น ผู้ที่มีรังแคควรใช้ยารักษารังแคซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแชมพู ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อรา และออกฤทธิ์ลดการหลุดลอกของเซลล์หนังศีรษะชั้นนอกสุด

สำหรับการปฏิบัติตัวของผู้ที่เป็นรังแค

1. ควรใช้ยารักษารังแคชนิดใดชนิดหนึ่งจนกว่าจะควบคุมอาการของรังแคได้
2. ควรฟอกแชมพูให้ทั่วหนังศีรษะ และปล่อยทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดี
3. เลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยนมีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้น
4. ลดการใช้น้ำอุ่นสระผม
5. หากอาการคันศีรษะหายเป็นปกติ ควรหยุดใช้แชมพูยา ซึ่งแชมพูยารักษารังแคที่ใช้กันบ่อยในท้องตลาด ได้แก่

• คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) มีคุณสมบัติต้านเชื้อราที่เป็นสาเหตุของรังแค
• ซิงค์ไพริไทออน (Zinc Pyrithione) มีคุณสมบัติต้ายเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย
• ซีลีเนียมซัลไฟด์ (Selenium sulfide) ช่วยลดการหลุดลอกของเซลล์หนังศีรษะชั้นนอกสุดได้

1. หลีกเลี่ยงการตกแต่งผมด้วยความร้อน