
จากที่เราทราบมาแล้วว่าน้ำมันที่เราบริโภคแต่ละประเภท อาจประกอบด้วยกรดไขมันหลายชนิดที่คุณสมบัติแตกต่างกัน เช่น กรดไขมันอิ่มตัว กรดไขมันไม่อิ่มตัว หรือ กรดไขมันทรานส์ ซึ่งแต่ละชนิดมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกบริโภคน้ำมันให้หลากหลายและเหมาะสม
ผู้บริโภคควรเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับวิธีการปรุงอาหาร ดังนี้
วิธีการประกอบอาหาร ชนิดของน้ำมัน
สลัด/ ผัด น้ำมันมะกอก (Extra virgin Olive oil)
ปรุงอาหาร (ผัด/ทอด) ทั่วไป น้ำมันรำข้าว , น้ำมันถั่วเหลือง , น้ำมันคาโนลา , น้ำมันมะกอก , น้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ , น้ำมันงา ,
น้ำมันดอกคำฝอย , น้ำมันเมล็ดฝ้าย , น้ำมันข้าวโพด
ปรุงอาหาร (ผัด/ทอด) ทั่วไป (ไม่แนะนำสำหรับคนที่โคเลสเตอรอลสูง) น้ำมันมะพร้าว
ทอดที่อุณหภูมิสูง น้ำมันปาล์ม
* น้ำมันส่วนใหญ่ควรบริโภคน้อยกว่า 20 กรัม หรือ 5 ช้อนชา ในแต่ละวัน
• น้ำมันปาล์ม และน้ำมันหมู มีองค์ประกอบของกรดไขมันอิ่มตัว เหมาะกับการนำไปทอดอาหารที่อุณหภูมิสูง
• น้ำมันมะพร้าว มีองค์ประกอบหลักเป็นกรดไขมันที่ถูกดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีและถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ดี จึงส่งผลให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายดี
• น้ำมันมะกอก ถือได้ว่าเป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็นต่อมนุษย์และสัตว์ ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ เหมาะกับการนำมาปรุงเป็นสลัดและผัด
• น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันข้าวโพด เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ไม่แนะนำให้นำน้ำมันถั่วเหลืองมาใช้ทอดอาหารทุกชนิด เหมาะสำหรับนำมาปรุงอาหารทั่วไป เช่น ผัด
• น้ำมันรำข้าว เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันที่ดีหลากหลายชนิด และยังมีวิตามินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง เหมาะสำหรับประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนไม่สูงมากเกินไป และควรหลีกเลี่ยงการนำไปทอดอาหารแบบน้ำมันท่วมเป็นเวลานาน
เอกสารอ้างอิง
- เอกสารประกอบการชี้แจงกรรมาธิการ ก.ค. 58
ประเด็น : น้ำมันและไขมันประกอบอาหาร
หน่วยงานรับผิดชอบ : สำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ผู้รับผิดชอบ : ดร.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผู้อำนวยการสำนักอาหาร
- http://haamor.com/th/ไขมันอิ่มตัว-ไขมันไม่อิ่มตัว/
- https://th.wikipedia.org/wiki/กรดไขมันอิ่มตัว
- https://th.wikipedia.org/wiki/ไขมันทรานส์