
หลังจากที่โรคติดต่อผ่านทางเดินหายใจอย่างซาร์ส , ไข้หวัดนก หรือไข้หวัดใหญ่ระบาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความนิยมในการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคก็เพิ่มมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ยังเลือกชนิดหน้ากากอนามัยไม่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งาน และยังใส่อย่างผิดวิธี ทำให้ไม่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อโรคอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงควรมาทำความรู้จักหน้ากากอนามัยกันใหม่
หน้ากากอนามัยที่นิยมใช้ในท้องตลาดมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน แบบแรก คือ หน้ากากผ่าตัด เป็นแบบที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป และหาซื้อได้ง่าย สามารถใช้กรองฝุ่นละออง และป้องกันการกระเด็นของของเหลวเช่น เสมหะ หรือน้ำมูก เป็นต้น เมื่อนำมาใช้กับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจนั้นเป็นเพียงการลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรค เนื่องจากเวลาไอหรือจาม ละอองเสมหะจะฟุ้งกระจายในอากาศ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่ง คือ แบบหน้ากากอนามัย N 95 เป็นหน้ากากที่ประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อได้ดีกว่า โดยเมื่อสวมใส่แล้วจะแนบชิดไม่มีช่องว่างให้เชื้อเข้า พร้อมทั้งยังมีประสิทธิภาพการกรองขนาดของอนุภาคสูงกว่า ดังนั้น หน้ากากนี้จึงสามารถป้องกันเชื้อที่มีขนาดเล็กกว่าที่หน้ากากอนามัยผ่าตัดทำไม่ได้ เช่น วัณโรค และ โรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน (ซาร์ส) เป็นต้น ซึ่งเชื้อนี้จะฟุ้งกระจายไปได้ไกลและอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน
นอกจากเลือกชนิดชนิดหน้ากากอนามัยให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกวิธี เพราะการใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องเท่านั้นถึงสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ โดยใส่หน้ากากให้ปิดบริเวณจมูก ปาก และคางอย่างมิดชิด และไม่ควรนำหน้ากากอนามัยมาใช้ซ้ำ นอกจากนี้การล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนการสวมใส่หรือถอดหน้ากากอนามัยนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรค เพราะมือของเรานั้นเป็นแหล่งสะสมชั้นดีของเชื้อโรคต่าง ๆ จำนวนมากมาย