
สธ. ดึงแนวคิด Education 4.0 สร้างสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอนที่เข้าถึงเยาวชน โดยนำความรู้ทางวิชาการผสมผสานกับเทคโนโลยี ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่สนุกและเข้าใจง่าย เริ่มใช้นำร่องกับนักเรียนโรงเรียน อย.น้อย เพื่อปลูกฝังให้เด็กมีพฤติกรรมการบริโภคห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ตั้งแต่เยาว์วัย นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดี ลดปัญหาค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคต่อไป
วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2561) ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และคณะผู้บริหาร เดินทางเข้านำเสนอโมเดลสื่อต้นแบบการเรียนการสอนในโครงการ อย. น้อย ให้กับคณะรัฐมนตรี พร้อมเชิญชวนคณะรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการ อย.น้อย พัฒนาเด็ก ด้วยนวัตกรรม เพื่อสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ณ บริเวณตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เปิดเผยว่า สื่อต้นแบบผลิตขึ้นเพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารในกลุ่มเยาวชน โดยนำร่องกับกลุ่มนักเรียน อย. น้อยระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิด Education 4.0 มาสร้างสื่อต้นแบบที่มุ่งเน้นให้นักเรียนมีพฤติกรรมการอ่านฉลากอาหาร การใช้ประโยชน์จากข้อมูลบนฉลาก การหลีกเลี่ยงและลดการบริโภคอาหารที่ไม่ปลอดภัย เพื่อเป็นการปลูกฝังให้เด็กมีพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้องและช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยเน้นการเรียนรู้แบบเชิงรุกในลักษณะ Edutainment ซึ่งได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนผลิตเป็นกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ชุด “ช็อปปิ้งฉลาดคิด” และ “ลูกเต๋าแสนกล” ซึ่งมีการนำเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) มาใช้ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาชุดกิจกรรมสร้างเสริมพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เน้นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้แก่ สารคดี 4 มิติ โดยใช้เทคโนโลยีโลกเสมือน หรือ VR (Virtual Reality) ในการนำเสนอ, แอปพลิเคชัน AR Label และ KCAL ในการคำนวณพลังงานและสารอาหารที่ได้รับ และให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับฉลากอาหารในรูปแบบ E-Book, เกมออนไลน์, แบบทดสอบภาพเคลื่อนไหว (Animation Quiz) ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้แสวงหาความรู้และเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
ทางด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ กล่าวถึงผลของการนำกิจกรรมการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่เป็นโมเดลสื่อต้นแบบมาใช้นำร่องและขยายผลกับนักเรียนในโรงเรียน อย.น้อย ซึ่งพบว่า นักเรียนมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่ถูกต้องเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๗๑.๙ เป็นร้อยละ ๘๕.๖ และบริโภคขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม และเครื่องดื่มอื่น ๆ ลดลง ร้อยละ ๑๗.๕ ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดย อย. จะเดินหน้าพัฒนารูปแบบ วิธีการที่ทันสมัย และขยายผลนำโมเดลสื่อต้นแบบการเรียนการสอนไปสู่โรงเรียน อย. น้อย ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อมุ่งหวังให้เด็กไทยมีสุขภาพดี ตลอดจนครอบครัว ชุมชน และสังคมมีสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประเทศในการรักษาโรคในระยะยาวต่อไป