![](https://filesys.oryor.com//data/printing/printing/661031_0098577001667182528.jpg)
ผลิตภัณฑ์ยาหยอดตามีหลายรูปแบบ (Dosage forms) ซึ่งส่วนประกอบหลัก ๆ ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ตัวยาสำคัญ และสารช่วยในตำรับ รูปแบบยาที่แตกต่างกันนี้มีความสำคัญต่อการกระบวนออกฤทธิ์ของตัวยาที่จะส่งยาไปยังบริเวณเป้าหมาย รวมถึงมีผลต่ออายุหรือความคงตัวของยา การเก็บรักษา และผลข้างเคียงต่อผู้ใช้ยา
รูปแบบยาหยอดตาที่พบได้บ่อย มีดังนี้
1.ยาหยอดตาชนิดน้ำใส (Ophthalmic solutions) ประกอบด้วยตัวยาซึ่งละลายได้ดีในน้ำ
ข้อดี หยอดได้ง่าย โดยทั่วไปไม่รบกวนการมองเห็น
ข้อเสีย จะสัมผัสตาได้ในระยะสั้น การออกฤทธิ์คงอยู่ไม่นาน
2.ยาหยอดตาชนิดยาน้ำแขวนตะกอน (Ophthalmic suspensions) ยาชนิดนี้มีลักษณะขุ่นขาว เวลาใช้ต้องเขย่าขวดก่อนเพื่อให้ยากระจายตัวเต็มที่
ข้อดี อยู่ที่ถุงตาได้นานและมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์นานกว่ายาหยอดตาชนิดน้ำใส
ข้อเสีย ผู้ใช้ต้องเขย่าขวดก่อนใช้ เพราะอาจทําให้ตัวยากระจายไม่ทั่วถึง ส่งผลต่อการรักษา
ยาหยอดตาชนิดน้ำทั้ง 2 รูปแบบอาจมีการปนเปื้อนได้ง่าย และอาจมีอันตรายจากปลายขวดหรือ
หลอดที่ใช้หยอดอาจทิ่มตาได้
3.ยาขี้ผึ้งป้ายตา (Ophthalmic ointments) ยาป้ายตาประเภทนี้จะมีความเหนียวหนืด จึงเหมาะสมที่ใช้ในเวลากลางคืนก่อนนอน
ข้อดี สัมผัสกับตาได้นาน ฤทธิ์คงอยู่ได้นานกว่าการหยอดตา ไม่ทําให้เกิดอาการระคายเคือง และไม่มีการไหลของยาลงไปในท่อน้ำตาและลงไปในคอ ซึ่งจะทําให้มีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อยกว่า
ข้อเสีย จะรู้สึกเหนอะหนะและขี้ผึ้งจะทําให้เกิดฝ้า ซึ่งรบกวนการมองเห็นของผู้ใช้ จึงใช้ป้ายก่อนนอน
การรักษาจะได้ผลดีต้องเลือกใช้ยาหยอดยาให้เหมาะสมกับสาเหตุของโรค ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญจากแพทย์หรือเภสัชกรในการเลือกยารักษา ร่วมกับการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จึงไม่ควรซื้อยามาใช้เองหรือยืมของคนอื่นมาใช้เพราะอาจเกิดอันตรายจากการใช้ยาได้ นอกจากนี้การเก็บรักษา
ยาหยอดตาแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรอ่านฉลากยาอย่างละเอียดให้เข้าใจ
ข้อมูลอ้างอิง :
http://www.pharutth.net/pcudownload/7.pdf
https://www.rama.mahidol.ac.th/eye/sites/default/files/public/doc/Ocular%20pharmacology.pdf