อันตรายจากยาชุดลดน้ำหนัก
25 มีนาคม 2567

ยาลดน้ำหนักที่ใช้ในการทางแพทย์นั้น มักจะใช้ในผู้ป่วยโรคอ้วนหรือผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน ที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30 กิโลกรัม/ตารางเมตรขึ้นไป หรือเกิน 27 กิโลกรัม/ตารางเมตร แต่มีโรคความดันสูง โรคเบาหวาน หรือหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย โดยผู้ป่วยต้องผ่านการรักษาด้วยการควบคุมอาหาร การออกกำลังกายและการปรับพฤติกรรมแล้ว แต่ยังไม่สามารถลดน้ำหนักจนถึงเป้าหมายได้ จึงจะสามารถใช้ยาเหล่านี้ได้ ไม่ใช่ว่าอยากจะลดน้ำหนักแล้วสามารถใช้ยาได้เลย การใช้ยาต้องอยู่ในการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้เป็นตัวเสริมจากการออกกำลังกายการคุมอาหารเท่านั้นแต่ปัจจุบันพบว่ายาชุดลดน้ำหนักที่ขายตามสื่ออินเตอร์เน็ตต่าง ๆ หรือตามคลินิกที่ไม่ได้รับการรับรอง มีส่วนผสมของยาหลาย ๆ ตัว และอาจจะมีการใช้ยาที่เป็นอันตรายหรือลักลอบใส่สารอันตรายลงไป ซึ่งมีผลเสียต่อร่างกายของเราได้ เช่น

1.     ทำให้เกิดอาการหงุดหงิด

2.     ทำให้เกิดอาการเวียนหัวอย่างรุนแรง

3.     สมาธิการเรียนและการทำงานลดลง

4.     หัวใจบีบตัว มีอาการใจสั่น

5.     นอนไม่หลับ

ดังนั้นหากต้องการลดน้ำหนัก แนะนำวิธีการควบคุมน้ำหนักง่าย ๆ ดังนี้

1.    คำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI (Body Mass Index) คือ ตัวชี้วัดมาตรฐานแสดงสภาวะความสมดุลของร่างกาย คำนวณโดยใช้สูตร

ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร) x ส่วนสูง (เมตร)

      โดยค่า BMI อยู่ระหว่าง 18.5-22.9 Kg/m2 จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ

2.    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินอาหารให้หลากหลาย

3.    เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค เช่น หลีกเลี่ยงอาหารหวาน หลีกเลี่ยงการรับประทานของทอด ของมัน

4.    ออกกำลังกาย อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ30 นาทีขึ้นไป


ข้อมูลอ้างอิง

"ยาลดน้ำหนัก" อันตรายอย่างไรและเหมาะกับใคร? - รามา แชนแนล (mahidol.ac.th)

ทำไมกินยาลดน้ำหนักแล้ว น้ำหนักจึงลด ? - รามา แชนแนล (mahidol.ac.th)

560620_แผ่นพับ_อันตรายจาก_ยาชุดลดความอ้วน_31.pdf (oryor.com)

คลังรูปภาพ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
FDAknowledge
oryor
การเลือกซื้อ
ผลิตภัณฑ์ยา
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
สาระความรู้
อย.
ยา
ยาลดน้ำหนัก
ยาลดความอ้วน
ยาลดไขมัน
ลดความอ้วน